Sheffield

ได้เกินคุ้มเกินคุ้มกับเงิน 4 ล้านปอนด์ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ได้ตัวทีเด็ดก่อนโชว์ฟอร์มโหด !!

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินเป็นสถิติของสโมสรถึง 4 ล้านปอนด์ในการคว้าตัว จอห์น อีแกน มาจาก เบรนท์ฟอร์ด เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2018

ตามรายงานของ สกาย สปอร์ตส์ ระบุว่าดีลดังกล่าวถือเป็นการใช้เงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ “ดาบคู่” ณ เวลานั้น กองหลังชาวไอร์แลนด์เข้ามาสร้างอิมแพ็กต์ทันทีหลังจากย้ายมา บรามอลล์ เลน โดยเขากลายเป็นหัวใจสำคัญในแผนการทำทีมของ คริส ไวล์เดอร์ ตั้งแต่ซีซั่นแรก

ก่อนที่ อีแกน จะย้ายมา ทีมจากยอร์กเชียร์เพิ่งจบอันดับ 10 ในศึกแชมเปี้ยนชิพ และพลาดโควต้าเพลย์ออฟไปเพียง 6 คะแนน ในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น พวกเขามุ่งเน้นการเซ็นสัญญานักเตะแบบไร้ค่าตัว ไม่ว่าจะเป็น เดวิด แม็คโกลดริก, คอนเนอร์ วอชิงตัน และ คีน ไบรอัน ทำให้ อีแกน เป็นแข้งค่าตัวแพงที่สุดและถูกคาดหวังว่าจะต้องโชว์ฟอร์มให้คุ้มค่าการลงทุน


อิทธิพลของ จอห์น อีแกน กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

เพียงแค่ฤดูกาลแรกของเขากับทีมก็ทำให้เห็นแล้วว่า 4 ล้านปอนด์ที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าแค่ไหน ปราการหลังวัย 25 ปีในขณะนั้น ลงเล่นในลีกไปถึง 44 นัด ทำได้ 1 ประตู 1 แอสซิสต์ และช่วยให้ทีมจบอันดับสองของ แชมเปี้ยนชิพ คว้าสิทธิ์เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

แม้จะไม่ได้สร้างความแตกต่างในแนวรุกมากนัก แต่กองหลังทีมชาติไอร์แลนด์ถือเป็นหัวใจสำคัญในระบบเกมรับ โดยเฉพาะกับแผนกองหลังสามคนของ ไวล์เดอร์ ที่ให้ฟูลแบ็กเล่นเกมรุกสูงขึ้น ขณะที่ อีแกน รับบทบาทเซ็นเตอร์ตัวกลาง คอยสกัดบอลและคุมเกมรับ

ในฤดูกาลนั้น เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เสียไปเพียง 41 ประตูจาก 46 นัด ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดในลีกเทียบเท่ากับ มิดเดิลสโบรห์ แม้ว่าแผนการเล่นของ ไวล์เดอร์ จะเป็นเอกลักษณ์และต้องการกองหลังที่มีความเข้าใจสูง แต่ อีแกน ก็สามารถปรับตัวได้อย่างไร้รอยต่อกับระบบของทีม เมื่อทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก อีแกน ก็ยังคงเป็นกำลังหลัก โดยเขามีบทบาทสำคัญช่วยให้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด จบอันดับ 9 ในฤดูกาลแรกบนลีกสูงสุด

เขาลงเล่นไปเกือบครบทุกนัดในลีก ขาดเพียง 2 เกมเท่านั้น และยังสามารถทำได้ 2 ประตู ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมของ “ดาบคู่” แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในแข้งขวัญใจแฟนบอล ด้วยสไตล์การเล่นที่แข็งแกร่งและความทุ่มเทในสนาม


จอห์น อีแกน พิสูจน์ให้เห็นว่าคุ้มค่าทุกเพนนี

ฟอร์มการเล่นของ อีแกน ในสองฤดูกาลแรกกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด นั้นพิสูจน์ให้เห็นว่าค่าตัวสถิติสโมสรที่พวกเขาจ่ายไปนั้นคุ้มค่ามากแค่ไหน ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราเห็นหลายสโมสรทุบสถิติค่าตัวนักเตะของตัวเองแต่กลับล้มเหลวในการสร้างผลงานที่คาดหวัง

แม้แต่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เองก็เคยทุ่มเงินถึง 23.5 ล้านปอนด์เพื่อเซ็นสัญญา รีอาน บรูว์สเตอร์ จาก ลิเวอร์พูล ในปี 2020 ตามรายงานของ สกาย สปอร์ตส์ แต่กลับไม่สามารถดึงศักยภาพของเขาออกมาได้

ฤดูกาล 2020/21 ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ของสโมสร เมื่อพวกเขาจบอันดับ 20 ของตาราง และต้องแยกทางกับ ไวล์เดอร์ ในที่สุด อย่างไรก็ตาม อีแกน ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของแนวรับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในศึกแชมเปี้ยนชิพ โดยเขามีส่วนช่วยให้ทีมจบอันดับ 5 และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของเพลย์ออฟในฤดูกาลแรกหลังตกชั้น

จากนั้นในปีถัดมา พอล เฮคกิ้งบอตทอม ก็พาทีมก้าวไปอีกขั้นด้วยการจบอันดับสองของลีก คว้าตั๋วเลื่อนชั้นอัตโนมัติสู่พรีเมียร์ลีก ซึ่ง อีแกน ลงเล่นไปถึง 91 นัดตลอดสองฤดูกาลนั้น

แม้ว่าปัญหาอาการบาดเจ็บจะเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางของเขากับทีม แต่สำหรับแฟนบอล “ดาบคู่” อีแกน จะถูกจดจำในฐานะนักเตะที่ทุ่มเทเต็มร้อยและทำผลงานเกินความคาดหมาย นับว่าคุ้มค่าทุกเพนนีที่สโมสรจ่ายไป