แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสคว้าเงินรางวัลเพิ่มอีก 20 ล้านปอนด์ หากพวกเขาสามารถเอาชนะ เรอัล มาดริด ในรอบเพลย์ออฟของศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก คืนวันอังคารนี้
ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งกำลังเจอปัญหาฟอร์มตก จะได้รับเงินเพิ่ม 10 ล้านยูโร (ประมาณ 8 ล้านปอนด์) ทันที หากสามารถผ่านด่านทีมแชมป์เก่าไปสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้
หากพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่สองในรอบสามฤดูกาล เงินรางวัลจะพุ่งขึ้นเป็น 25 ล้านยูโร (ประมาณ 21 ล้านปอนด์)
ตามข้อมูลจาก Swiss Ramble บล็อกเกอร์ด้านการเงินฟุตบอล ระบุว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้รับเงินรางวัลจากศึก แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ไปแล้วถึง 77 ล้านยูโร (ประมาณ 64 ล้านปอนด์) ซึ่งแบ่งออกเป็น
- ค่าตอบแทนจากการเข้าร่วมแข่งขัน 18.6 ล้านยูโร (ประมาณ 15.5 ล้านปอนด์)
- เงินรางวัลจากผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม 13.1 ล้านยูโร (ประมาณ 10.9 ล้านปอนด์)
- รายได้จาก “มูลค่าทางการตลาด” ที่พิจารณาจากผลงานในยุโรปและค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในอังกฤษอีก 45.5 ล้านยูโร (ประมาณ 37.9 ล้านปอนด์)
ขณะที่ ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นแชมป์กลุ่ม ได้รับไปแล้วถึง 100 ล้านยูโร (ประมาณ 83 ล้านปอนด์) ส่วน อาร์เซนอล และ แอสตัน วิลล่า ที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ทำเงินไป 91 ล้านยูโร (76 ล้านปอนด์) และ 71 ล้านยูโร (59 ล้านปอนด์) ตามลำดับ
“เป้าหมายหลักของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้“
ด้วยฟอร์มที่หลุดจากเส้นทางลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก หลังเก็บได้เพียง 5 คะแนนจาก 9 นัดก่อนคริสต์มาส ทำให้ถ้วย แชมเปียนส์ ลีก กลายเป็นเป้าหมายสูงสุดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้
พวกเขาทุ่มเงินเสริมทัพในเดือนมกราคมสูงถึง 180 ล้านปอนด์ ดึงตัว โอมาร์ มาร์มูช และ นิโก้ กอนซาเลซ มาเสริมเกมรุกและแดนกลางเพื่อพลิกสถานการณ์ของทีม
นี่เป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกันที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องเผชิญหน้ากับ เรอัล มาดริด ในรอบน็อกเอาต์ของ แชมเปียนส์ ลีก โดยพวกเขาเป็นฝ่ายแพ้ไป 2 ครั้งจาก 3 ครั้งที่ผ่านมา
“พวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่ง เรารู้ดี” เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กล่าว “เราเจอกับพวกเขามาหลายครั้ง และรู้ว่าพวกเขามักจะโชว์ฟอร์มดีที่สุดในช่วงเวลาสำคัญ เราต้องเล่นให้ดีทั้งสองนัดเพื่อผ่านเข้ารอบ”
“รอบแบ่งกลุ่มและรอบน็อกเอาต์ของ แชมเปียนส์ ลีก ไม่เคยง่าย เราทำผลงานในรอบแบ่งกลุ่มได้ไม่ดีนัก จึงต้องมาอยู่ในสถานการณ์นี้ เราต้องยอมรับผลจับสลากและเผชิญกับความท้าทายนี้”