Amorim

รูเบน อโมริม ให้สัมภาษณ์หลังเกม แมนฯ ยู เสมอ อาร์เซนอล 1-1 !!

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอกับ อาร์เซนอล ทีมอันดับสองของตาราง 1-1 โดยใช้สไตล์การเล่นที่เน้นเกมรับเป็นหลัก ขณะที่ รูเบน อโมริม ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องไม่ปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่นระหว่างช่วงฟอร์มตกของทีม

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวออกมายืนยันว่า “เมื่อคุณเป็นโค้ชของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุณไม่สามารถเล่นแบบนั้นมากเกินไปได้ แต่เป้าหมายคือการคว้าชัยชนะ” รูเบน อโมริม ยอมรับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องทำบางสิ่งที่อาจไม่เป็นที่นิยมเพื่อให้ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ แต่ยืนยันว่าสไตล์การเล่นของทีมจะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต หลังจากเกมที่เสมอกับ อาร์เซนอล

เกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงไปตั้งรับลึก โดยมีโอกาสยิงตรงกรอบเพียงครั้งเดียวในครึ่งแรก และเป็นจังหวะที่ บรูโน แฟร์นันด์ส ยิงฟรีคิกสุดดราม่าให้ทีมขึ้นนำ อย่างไรก็ตาม ในครึ่งหลัง ทีมของ อโมริม พยายามเปิดเกมบุกมากขึ้นและบีบให้ ดาบิด รายา ต้องออกแรงเซฟหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรักษาสกอร์นำไว้ได้


“เราต้องการแต้ม และบางครั้งต้องทำสิ่งที่ไม่เป็นที่นิยม”

“เมื่อคุณคุมทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุณไม่สามารถเล่นแบบนั้นตลอดเวลาได้ แต่เป้าหมายคือการคว้าชัยชนะ ไม่ใช่แค่การเล่นฟุตบอลเพื่อเอาใจแฟนบอล” อโมริม กล่าวกับ Sky Sports

“ผมรู้ว่าบางครั้งมันน่าหงุดหงิดสำหรับแฟนบอล แต่เมื่อคุณยิงประตูได้ เมื่อคุณคุมเกมได้ และมีโอกาสมากขึ้น เกมก็จะเปลี่ยนไป บรรยากาศจะเปลี่ยนไป และแฟนบอลก็จะมีความสุขมากขึ้น เราต้องรับมือกับเรื่องนี้ให้ได้”

“บางครั้งเราจำเป็นต้องทำบางสิ่งที่ไม่เป็นที่นิยม แต่ถ้าเราต้องการชัยชนะและมีแนวทางที่ชัดเจน เราต้องทำให้ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว เราต้องการแต้ม”

“เราไม่อยากเล่นแบบนี้ ไม่อยากเน้นเกมรับแล้วปล่อยให้คู่แข่งครองบอลมากเกินไป แต่จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากจำนวนเกมที่เราเล่น รวมถึงปัญหาหลายอย่าง เราต้องปรับตัวและเลือกแนวทางที่เราคิดว่าจะทำให้ชนะ ซึ่งเกมนี้เราก็แสดงให้เห็นแล้ว”

“เมื่อเล่นเกมรับต่ำ เราสามารถควบคุมเกมได้ดีขึ้น และเรามีนักเตะที่เหมาะกับเกมสวนกลับ ผมคิดว่า อเลฮันโดร การ์นาโช ทำผลงานได้ดีมาก เขาผิดหวังจากเกมเมื่อวันพฤหัสบดี แต่วันนี้เขาทำได้ยอดเยี่ยม”


“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่มีวันตาย”

ก่อนเกม แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายพันคนออกมาประท้วงการบริหารของสโมสร โดยมี เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ และ เอ็ดเวิร์ด เกลเซอร์ ร่วมชมเกมอยู่ในสนาม

กลุ่มแฟนบอล The 1958 เป็นผู้จัดการประท้วงครั้งนี้ และแฟนบอลจำนวนมากสวมชุดสีดำเพื่อสื่อถึงการที่สโมสร “กำลังจะตาย” ภายใต้โครงสร้างการบริหารปัจจุบัน

ตระกูล เกลเซอร์ ตกเป็นเป้าหลักของเสียงโห่จากแฟนบอลทั้งก่อนและระหว่างเกม ซึ่ง อโมริม สนับสนุนสิทธิของแฟนบอลในการประท้วง

“สโมสรแห่งนี้ไม่มีวันตาย นั่นเป็นเรื่องที่ชัดเจน คุณสัมผัสได้จากผู้คนบนท้องถนน ไม่ใช่แค่ในสนามเท่านั้น” อโมริม กล่าว

“แต่นี่คือธุรกิจขนาดใหญ่ และบางครั้งแฟนบอลในลีกนี้ก็รู้สึกว่า การซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมเกมมันเป็นเรื่องที่ยากขึ้น และนั่นเป็นเรื่องปกติ”

“มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราแค่ต้องการทุ่มเทเต็มที่เพื่อพวกเขา ผมรู้ว่าเกมรับลึกแบบนี้อาจทำให้พวกเขาหงุดหงิด แต่ในอนาคต เราจะไม่เล่นแบบนี้เสมอไป แต่ตอนนี้เราต้องมุ่งมั่นเพื่อคว้าชัยชนะ”


“แฟนบอลโกรธมาก และพวกเขาถูกหลอกไม่ได้”

แกรี่ เนวิลล์ อดีตกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และนักวิเคราะห์ของ Sky Sports กล่าวเสริมว่า แฟนบอลกำลัง “โกรธมาก”

“มันเกิดจากหลายปัจจัย” เนวิลล์ กล่าว “มันเป็นเรื่องของหนี้สิน เรื่องของการบริหารที่ล้มเหลว ถ้าคุณต้องปลดพนักงาน 450 คน นั่นหมายความว่ามีคนบริหารสโมสรผิดพลาดมาเป็นเวลานาน”

“ลองคิดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อรายได้ของสโมสร ไม่มีฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก หมายความว่าคุณสูญเสียเงินประมาณ 30-40 ล้านปอนด์ต่อปี การซื้อนักเตะที่ผิดพลาดบ่อยครั้งทำให้คุณต้องปล่อยผู้เล่นออกจากทีมอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถสร้างมูลค่าภายในสโมสรได้”

“ทั้งหมดนี้สะท้อนกลับมาในวันนี้ คุณไม่สามารถหลอกหรือโกหกแฟนบอลได้”


การประท้วงของแฟนบอลสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจที่มีต่อการบริหารของสโมสร ขณะที่ รูเบน อโมริม ยังคงเดินหน้าพยายามพาทีมกลับสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น โดยย้ำว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่มีวันตาย แต่การเปลี่ยนแปลงต้องเกิดขึ้นเพื่อให้สโมสรกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง