man u

มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำให้ รูเบน อโมริม และ แมนฯ ยู ต้องอับอาย !!

หลังจากฟอร์มที่ไม่ค่อยน่าประทับใจนักในเกมกับ แอลเบเนีย โธมัส ทูเคิล กุนซือทีมชาติอังกฤษ ได้ออกมาพูดถึงผลงานของผู้เล่นริมเส้นทั้งสองคนของเขา

มาร์คัส แรชฟอร์ด และ ฟิล โฟเด้น ต่างก็เจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการรักษาฟอร์มการเล่นของตนเอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากฟอร์มที่ค่อนข้างจืดชืดในเกมกับทีมจากแถบคาบสมุทรบอลข่าน

“ผมได้พูดคุยกับทั้งคู่แล้ว รวมถึงต่อหน้าทีมด้วย” ทูเคิล กล่าวหลังเกม

“พวกเขารู้ว่าผมชื่นชมความพยายามของพวกเขา โดยเฉพาะเกมที่ไม่มีบอล มาร์คัส วิ่งทำทางอยู่หลายครั้งตอนที่เราครองบอล แต่เราไม่เห็นเขาและไม่ได้ใช้เขาเลย

“บางทีเขาอาจโชคร้ายกับจังหวะเวลา และบางครั้งเราก็มองข้ามเขาไป ฟิล เองก็กำลังอยู่ในช่วงที่ยังหาโมเมนตัมของตัวเองไม่เจอ แต่พวกเขาทั้งคู่ต่างมีเหตุผลที่ควรรู้สึกดีใจและมั่นใจว่าพวกเขารู้ว่าทีมต้องการอะไรจากพวกเขา”


ทูเคิล เชื่อว่าการย้ายไป แอสตัน วิลล่า ช่วยให้ แรชฟอร์ด คืนฟอร์ม

ทูเคิล ยังเสริมอีกว่าเขามองว่าการย้ายแบบยืมตัวของ แรชฟอร์ด ไปอยู่กับ แอสตัน วิลล่า เป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อเจ้าตัว

“เขากลับมามีจังหวะของตัวเองอีกครั้ง ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ได้อยู่กับสโมสรใหม่ ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งน่าประทับใจมาก และสิ่งนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลยเพียงเพราะเขามีเกมที่ยากลำบาก 60 หรือ 70 นาทีในนัดที่เจอ แอลเบเนีย”

แม้ว่า โฟเด้น จะถูกดร็อปเป็นตัวสำรองในเกมถัดไปที่เจอกับ ลัตเวีย แต่ ทูเคิล ยังคงให้โอกาส แรชฟอร์ด ลงสนาม และก็ไม่ผิดหวัง

ตามบทวิเคราะห์ของ สกาย สปอร์ตส์ ฟอร์มการเล่นในเกมล่าสุดของเขาเป็นหลักฐานชัดเจนว่าแนวรุกรายนี้กำลังกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

“สัญญาณเมื่อวันจันทร์แสดงให้เห็นว่าเขารับฟังคำแนะนำจากกุนซือของเขา โดยเขาวิ่งเข้าหากองหลังคู่แข่งด้วยความตั้งใจที่มากขึ้น และสร้างโอกาสได้มากถึง 6 ครั้ง ซึ่งมากที่สุดในเกม” ปีเตอร์ สมิธ จาก สกาย สปอร์ตส์ วิเคราะห์

“แม้เขาจะยังไม่สามารถทำประตูได้เลยตลอด 9 นัดที่เล่นให้ แอสตัน วิลล่า แต่เขาก็มี 4 แอสซิสต์ และที่สำคัญที่สุดคือเขาแสดงให้เห็นถึงการคืนฟอร์มที่ชัดเจน”

ทูเคิล เองก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้

“ผมคิดว่า มาร์คัส แสดงให้เห็นอีกครั้ง โดยเฉพาะในครึ่งแรก ว่าเขามีความกระหายที่จะเดินหน้าโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ทูเคิล กล่าว

“เขากล้าที่จะดวลตัวต่อตัวมากขึ้น มีความดุดันในจังหวะเคลื่อนที่ แม้ว่าบางอย่างจะยังไม่ได้ผลสมบูรณ์แบบ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาแสดงให้เห็นถึงความกระหายและความมั่นใจในความสามารถของตัวเอง”


แรชฟอร์ด กลับมายิ่งใหญ่ หลังถูก อโมริม วิจารณ์อย่างหนัก

การที่ แรชฟอร์ด มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน

ก่อนหน้านี้ ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนาม และถูกวิจารณ์ต่อหน้าสื่อหลายครั้ง

เฮดโค้ชชาวโปรตุเกสรายนี้ถึงขั้นเคยเปรียบเทียบว่า เขายอมส่งโค้ชผู้รักษาประตูวัย 63 ปี ลงสนามแทนที่จะเลือกใช้ แรชฟอร์ด เนื่องจากความขี้เกียจในการฝึกซ้อม

แต่เมื่อดูจากผลงานที่ แรชฟอร์ด แสดงให้เห็นกับ แอสตัน วิลล่า และทีมชาติอังกฤษในตอนนี้ คำพูดของ อโมริม กลับดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง


อโมริม เลือกทะเลาะกับนักเตะที่มีอิทธิพลในทีม

ตั้งแต่เริ่มแรก ดูเหมือนว่า อโมริม จะมีท่าทีไม่ค่อยชอบ แรชฟอร์ด อยู่แล้ว

แม้ว่าในช่วงแรกของการคุมทีม เขาจะให้โอกาส แรชฟอร์ด ลงสนามและทำประตูแรกในยุคของเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไป กุนซือโปรตุเกสกลับเริ่มแสดงท่าทีแข็งกร้าวใส่กองหน้าชาวอังกฤษ

“ลองนึกภาพถึงนักเตะที่มีพรสวรรค์อย่าง แรชฟอร์ด ทีมของเราควรจะดีกว่านี้หากเขายอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง” อโมริม กล่าวหลังเข้ามาคุมทีมได้ไม่นาน

และเมื่อเขาเริ่มหายไปจากรายชื่อทีมในวันแข่งขัน คำพูดของ อโมริม ก็เริ่มรุนแรงขึ้น

“สาเหตุก็คือเรื่องการฝึกซ้อม ถ้าเขาไม่เปลี่ยนแปลง ผมก็จะไม่เปลี่ยนแปลง” กุนซือโปรตุเกสกล่าวกับสื่อ

บางครั้ง ผู้จัดการทีมเลือกเปิดศึกกับนักเตะที่มีอิทธิพลในทีมเพื่อแสดงอำนาจของตัวเอง แต่ในกรณีของ แรชฟอร์ด ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของ อโมริม จะเป็นเรื่องของ “หลักการ” มากกว่าการบริหารทีมที่มีประสิทธิภาพ


เวสต์แฮม และ อูไน เอเมรี่ กับวิธีการจัดการที่แตกต่างกัน

การที่ แรชฟอร์ด กำลังกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งถือเป็นเรื่องที่สร้างความลำบากใจให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแน่นอน

ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับแนวทางของ อูไน เอเมรี่ ที่ แอสตัน วิลล่า ก็ยิ่งเห็นได้ชัดถึงความแตกต่างในวิธีการบริหารนักเตะ

“เราต้องการสนับสนุนเขา ช่วยเขา ทำให้เขารู้สึกสบายใจ และพยายามช่วยให้เขามีความมั่นใจ” เอเมรี่ กล่าวหลังเกมกับ เชลซี เมื่อต้นเดือนนี้

เป็นเรื่องน่าขันที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีทีมวิเคราะห์ข้อมูลระดับสูงอย่าง เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ และพยายามใช้แนวคิดเรื่อง “การเพิ่มมูลค่ารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ” กลับปล่อยให้พรสวรรค์อย่าง แรชฟอร์ด สูญเปล่าไป

และไม่ใช่แค่ แรชฟอร์ด เท่านั้นที่กลับมามีฟอร์มดีหลังย้ายออกจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ว่าจะเป็น สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ หรือ อันโตนี่ ต่างก็ดูเหมือนเป็นนักเตะที่แตกต่างไปจากตอนอยู่กับทีมปีศาจแดง

สิ่งนี้ควรเป็นเรื่องที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพิจารณาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อเห็นนักเตะที่เติบโตมาจากอคาเดมี่ของทีมกลับต้องไปโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับสโมสรอื่น