หนึ่งในคู่เอกของสุดสัปดาห์นี้ในศึก ลีกเอิง คือการพบกันระหว่าง โมนาโก และ มาร์กเซย ซึ่งต่างฝ่ายต่างต้องการคว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แบบอัตโนมัติ โดยจะลงสนามกันที่ สต๊าด หลุยส์ เดอซ์
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โมนาโก เสียอันดับสองให้กับ มาร์กเซย แต่ทีมของ อาดี ฮึตเตอร์ ยังคงเกาะอยู่อันดับสาม ซึ่งการแข่งขันเพื่อแย่งพื้นที่ท็อปโฟร์ยังคงเข้มข้นอย่างมาก คำว่า “เก่งแต่ทีมเล็ก” น่าจะเหมาะกับ โมนาโก ฤดูกาลนี้ เพราะแม้จะมี 50 คะแนน แต่พวกเขาเก็บแต้มได้เพียง 14 แต้มจาก 16 นัดที่พบทีมในครึ่งบนของตาราง
ทีมของ ฮึตเตอร์ เพิ่งเพิ่มสถิติอันย่ำแย่นั้นเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังบุกไปพ่าย แบรสต์ 1-2 ทำให้หล่นมาอยู่ที่สาม และหากพลาดอีกในสุดสัปดาห์นี้ อันดับก็อาจตกลงไปอีก สตราส์บูร์ก อยู่ห่างแค่แต้มเดียว ส่วน โอลิมปิก ลียง ที่รั้งอันดับห้าเองก็ยังตามมาหายใจรดต้นคอ ดังนั้นอีกหกเกมที่เหลือในฤดูกาลนี้จะกลายเป็นตัวชี้วัดทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม โมนาโก ยังคงหวังพึ่งผลงานในบ้านที่ยอดเยี่ยมได้ เพราะพวกเขาเป็นทีมเดียวใน ลีกเอิง ที่ชนะรวดทุกเกมในบ้านปี 2025 (5 นัด ยิงได้ 19 ประตู) ย้อนกลับไปต้องถึงปี 2018 ที่ โมนาโก เคยชนะเกมเหย้า 6 นัดติด ซึ่งหากทำได้อีกในเกมนี้ นอกจากเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำ ยังอาจทำให้พวกเขาขยับคืนสู่อันดับสองอีกครั้ง
แม้ต้องเจอกับ มาร์กเซย ที่เป็นคู่แข่งแข็งแกร่ง แต่ โมนาโก ยิงได้ใน 21 จาก 22 เกมหลังที่พบกันในลีก สะท้อนว่าฝ่ายเยือนจำเป็นต้องมีแนวรุกที่เฉียบคมเป็นพิเศษ กระนั้น สถิติระหว่างทั้งสองทีมยังชี้ให้เห็นว่าไม่มีทีมใดบุกมาชนะที่สนามแห่งนี้ใน ลีกเอิง ได้บ่อยเท่า มาร์กเซย อีกแล้ว โดยชนะถึง 20 ครั้งจาก 53 เกมเยือน และชนะ 4 จาก 6 ครั้งหลังสุด
ฝั่งทีมของ โรแบร์โต เด แซร์บี เพิ่งปลดล็อกฟอร์มย่ำแย่ด้วยการเฉือน ตูลูส 3-2 ที่ สต๊าด เวโลโดรม หลังแพ้มา 3 นัดติด โดยก่อนเกมเกิดดราม่าเมื่อกุนซือชาวอิตาลีปฏิเสธนำซ้อมหลังแพ้ แร็งส์
ถึงแม้แนวรับของทีมจะยังน่าเป็นห่วง เพราะไม่มีทีมอันดับสองทีมใดที่เสียประตูมากเท่า มาร์กเซย (38 ประตู) ในช่วงเวลาเดียวกันของฤดูกาล นับตั้งแต่ บอร์กโดซ์ ปี 1983 (39 ประตู) แต่จากสไตล์การเล่นของ เด แซร์บี นั้นก็ไม่แปลก เพราะพวกเขาเน้นเกมรุกจัดจ้าน โดยยิงเฉลี่ยเกินสองประตูต่อเกมในลีก
อย่างไรก็ดี มาร์กเซย ต้องแสดงให้เห็นว่าเล่นนอกบ้านได้ดีอีกครั้ง เพราะหลังจากเก็บได้ 27 แต้มจาก 33 คะแนนเต็มใน 11 นัดเยือนแรก พวกเขากลับแพ้รวดมาแล้ว 3 นัดติดนอกบ้าน โมนาโก จะไม่มี คริสเตียน มาวิสซา กองหลังดาวรุ่ง และ บรีล เอ็มโบโล กองหน้าชาวสวิสที่ติดโทษแบน คาดว่า ฮึตเตอร์ จะกลับมาใช้ระบบ 4-2-3-1
เอลิเยส เบน เซเกียร์ และ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน จะต้องแย่งตำแหน่งตัวจริงหลังหลุดไปนั่งสำรองมาสองเกมติด ขณะที่ มีคา เบียร์เร็ต จะหวังเดินหน้าทำผลงานร้อนแรงในบ้านต่อไป หลังยิงได้ 11 ประตูจากการลงเล่นที่ สต๊าด หลุยส์ เดอซ์ เพียง 5 นัด
ในส่วนของผู้เล่นบาดเจ็บนั้น คาสซุม อูอัตตารา, ซูงูตู มากัสซา และ จอร์แดน เตเซ่ ยังไม่พร้อมลงสนาม
ฝั่งทีมเยือน มาร์กเซย จะไม่มีคู่กองหลังอย่าง ลุยซ์ เฟลิเป้ และ เลโอนาร์โด บาเลร์ดี้ ขณะที่ อามีน กูอิรี่ มีอาการบาดเจ็บและอาจพลาดลงสนาม ซึ่งจะเป็นการขาดหายที่สำคัญ เพราะเขามีส่วนร่วมกับ 7 ประตูจาก 8 นัดที่ลงเล่นเป็นตัวจริงหลังย้ายมาในเดือนมกราคม
ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก มีลุ้นออกสตาร์ทเป็นตัวจริง หลังกลับมามีชื่อเป็นสำรองในเกมชนะ ตูลูส แต่ต้องแย่งตำแหน่งกับคู่กลางฟอร์มดีอย่าง อิสมาแอล เบนนาเซอร์ และ วาเลนแต็ง รงชิเยร์
ข่าวดีคือ ฟาริส มุมบันญา ที่เจ็บยาวเกือบทั้งฤดูกาล กลับมามีชื่ออีกครั้ง และอาจได้โอกาสลงเล่นนาทีแรกในรอบหลายเดือน
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าอาจลงสนาม
โมนาโก:
โคห์น; แวนเดอร์สัน, เคห์เรอร์, ซิงโก้, ไคโอ เอ็นรีเก้; ซาคาเรีย, คามารา; อัคลิอุช, มินามิโนะ, เบน เซเกียร์; เบียร์เร็ต
มาร์กเซย:
รุลลี; มูริโญ, คอร์เนลิอุส, ก็องด็อกเบีย; ลุยส์ เอ็นรีเก้, เบนนาเซอร์, ฮอยเบียร์ก, แมร์แล็ง; กรีนวูด, โรว์, ราบิโอต์