มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของ อาร์เซน่อล เปิดเผยว่าทีมยังต้องรอติดตามอาการของ บูกาโย่ ซาก้า ว่าจะพร้อมลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสำคัญกับ คริสตัล พาเลซ หรือไม่ ขณะเดียวกันก็มีข่าวไม่น่าสบายใจเกี่ยวกับสภาพความฟิตของ จอร์จินโญ่ เช่นกัน
ในเกมล่าสุดที่ เดอะ กันเนอร์ส เอาชนะ อิปสวิช ทาวน์ นั้น ซาก้า ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 57 หลังจากโดนเข้าสกัดหนักจาก เลย์ฟ เดวิส จนมีอาการเจ็บบริเวณเอ็นร้อยหวาย ส่งผลให้แนวรับของ อิปสวิช โดนใบแดงไล่ออกจากสนามทันที
แม้เจ้าตัวพยายามฝืนเล่นต่อ แต่ อาร์เตต้า ตัดสินใจถอดออกเพื่อลดความเสี่ยง โดยมีการประคบน้ำแข็งบริเวณข้อเท้าขณะนั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรอง และภายหลังมีผู้พบเห็นว่าเขาเดินกะเผลกไปยังรถบัสของทีมหลังจบเกม
ก่อนเกมสำคัญกับ คริสตัล พาเลซ ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ซึ่งหาก อาร์เซน่อล พลาดท่าแพ้อาจส่งผลให้ ลิเวอร์พูล การันตีแชมป์ทันที อาร์เตต้า กล่าวถึง ซาก้า ว่าอาการไม่น่าห่วงมาก และอาจถูกใช้งานหากจำเป็น
“เราต้องดูอาการเขาหลังจากเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง” อาร์เตต้า กล่าว “แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่หนักเกินไป ถ้าเราต้องการใช้เขา ผมคิดว่าเขาน่าจะพร้อมลงสนาม”
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ของ จอร์จินโญ่ ดูจะไม่สดใสเท่าไหร่ โดยเขาคือหนึ่งในตัวเลือกสำคัญที่อาจถูกส่งลงแทน โธมัส ปาร์เตย์ ซึ่งติดโทษแบนในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศเลกแรกที่จะเจอกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สัปดาห์หน้า
แม้ว่า อาร์เตต้า จะต้องตัดสินใจในเรื่องแผนรับมือ เปแอสเช อย่างเร่งด่วน แต่ตอนนี้สมาธิของทีมยังคงอยู่กับภารกิจในพรีเมียร์ลีก ซึ่งหากพลาดท่าต่อ พาเลซ ก็จะเป็นการมอบแชมป์ให้ ลิเวอร์พูล โดยตรงในค่ำคืนวันพุธนี้
ทีมของ อาร์เน่ สลอต จะคว้าแชมป์ทันทีหากบุกชนะที่ลอนดอนได้ และแม้ว่าอันดับสุดท้ายของ อาร์เซน่อล ยังไม่แน่นอน แต่พวกเขาก็ดูเหมือนจะจบในตำแหน่งรองแชมป์เป็นปีที่สามติดต่อกัน
ก่อนหน้านี้ อาร์เตต้า เคยให้สัมภาษณ์ว่าการบาดเจ็บและใบแดงหลายครั้งในซีซั่นนี้คือปัจจัยที่ทำให้ทีมหลุดจากเส้นทางลุ้นแชมป์
เมื่อถูกถามว่า อาร์เซน่อล ควรทำได้ดีกว่านี้หรือไม่ในการเบียดแย่งแชมป์กับ ลิเวอร์พูล เขาตอบว่า:
“แน่นอนว่ายังมีสิ่งที่เราทำได้ดีกว่านี้แน่ ๆ”
“แต่ถ้าไม่ใช่แบบนั้น มันก็แปลว่าเราจะต้องชนะทุกเกม ไม่ว่าจะมีนักเตะเจ็บ ใบแดง หรือปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น”
“เราจะกลับมาทบทวนผลงานทั้งหมดทั้งในแง่ดีและไม่ดีหลังจบฤดูกาล”
“แต่ถ้าคุณถามผมตั้งแต่เดือนสิงหาคมว่า ‘ถ้ามีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับทีมคุณ คุณคิดว่าจะจบที่อันดับไหน?’ ผมก็คงตอบว่า ‘อันดับสอง’ นั่นแหละคงเป็นคำตอบที่ตรงที่สุด”