แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผงาดเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกยูโรปาลีก หลังเปิดบ้านเอาชนะ โอลิมปิก ลียง ไปด้วยสกอร์รวม 5-4 ในเกมที่เต็มไปด้วยดราม่าและการกลับมาอย่างน่าเหลือเชื่อ
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ดูเหมือนว่า ปีศาจแดง กำลังจะหมดโอกาสลุ้นแชมป์ หลังตกเป็นฝ่ายตามหลัง 3-2 ก่อนที่ อเลซ็องด์ ลากาแซ็ตต์ จะยิงจุดโทษให้ทีมจากฝรั่งเศสหนีห่างเป็น 4-2 ซึ่งหากรวมผลสองนัดแล้วก็กลายเป็น 6-4 ทำให้ความหวังของแฟนบอลเจ้าถิ่นแทบดับสนิท
แต่แล้ว บรูโน่ แฟร์นานเดส ก็มาจุดประกายโอกาสด้วยการยิงจุดโทษเข้าไป ก่อนที่ ค็อบบี้ เมนู และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จะสวมบทฮีโร่ ยิงคนละประตูในช่วงท้ายเกม พลิกสถานการณ์ให้ทีมคว้าชัยอย่างเหลือเชื่อ
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ โดยจะพบกับ แอธเลติก บิลเบา ในระบบเหย้า-เยือน โดยเป็นโอกาสสำคัญที่ รูเบน อโมริม จะคว้าแชมป์แรกกับทีม และคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
คำพูดที่เปลี่ยนเกมจาก รูเบน อโมริม
หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวโปรตุเกสเผยว่า ในช่วงพักครึ่งของการต่อเวลาพิเศษ เขาได้ใช้เวลาสั้นๆ ในการปรับแผนและวางตำแหน่งนักเตะใหม่ ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกมอย่างแท้จริง
“ผมบอกกับนักเตะว่าเราต้องเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อให้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะกับ แฮร์รี แม็คไกวร์ ที่เราดันขึ้นไปอยู่ในพื้นที่เกมรุก ให้ กาเซมิโร่ ขยับเข้าใกล้กรอบเขตโทษ รวมถึงให้ ค็อบบี้ เมนู และ เมสัน เมาท์ คอยเปิดบอลเข้าไป ผมบอกพวกเขาว่า เราแค่ต้องยิงได้หนึ่งลูก แล้วเกมจะเปลี่ยนได้หมด” อโมริม กล่าว
แผนการที่วางไว้ได้ผลอย่างชัดเจน เมื่อ กาเซมิโร่ ทำสองแอสซิสต์สำคัญให้กับทั้ง แม็กไกวร์ และ เมนู พร้อมทั้งเป็นคนเรียกจุดโทษที่ แฟร์นานเดส ยิงเข้าไปอย่างเฉียบคม
แม้ว่าในช่วงท้ายเกม โอลิมปิก ลียง จะเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน แต่การคัมแบ็กในช่วงเวลาสุดกดดันก็ยังถือเป็นภารกิจที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตาม รูเบน อโมริม ไม่เคยหมดศรัทธาในทีมของเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“คุณอาจคิดว่ามันยาก แต่ในสนามนี้ กับสโมสรนี้ คุณไม่มีวันหมดหวัง ผมพยายามกระตุ้นนักเตะ พยายามส่งพลังให้พวกเขา และวันนี้เราก็ได้เห็นว่าทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ” เขากล่าวทิ้งท้าย