แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กองหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่าเกมที่ทีมเปิดบ้านเฉือนชนะ โอลิมปิก ลียง 5-4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เป็น “เกมที่แปลกประหลาดที่สุด” เท่าที่เขาเคยลงเล่นมา พร้อมเผยความรู้สึกสุดยอดหลังซัดประตูชัยพาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูโรปาลีก ได้สำเร็จ
ปราการหลังทีมชาติอังกฤษสวมบทฮีโร่ โขกประตูที่สองในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 120 ของการต่อเวลาพิเศษ ส่งผลให้ “ปีศาจแดง” พลิกสถานการณ์กลับมาคว้าชัยด้วยสกอร์รวมสองนัด 7-6 อย่างเหลือเชื่อ หลังจากที่ ลียง ซึ่งตามหลังอยู่ 0-2 ในเกมนี้ กลับมายิง 4 ประตูรวด แม้จะเหลือผู้เล่น 10 คน (โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ โดนไล่ออก) ก่อนจะมาโดน แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงคืน 3 ประตูรวดในช่วง 7 นาทีสุดท้ายของการต่อเวลา
เกมนี้ยังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของฟุตบอลยุโรป ด้วยการเป็นเกมแรกที่มีการยิงประตูกันถึง 5 ลูกในช่วงต่อเวลาพิเศษ และ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นสโมสรแรกที่ยิงได้ถึง 2 ประตูในนาทีที่ 120 ของเกมยุโรป
️| Harry Maguire: “I’ve had some amazing moments at this club, been here six years now, and I’ve had some great times, some bad times as well.
“I think that game pretty much summed up my time at this club!
“It was an incredible feeling to score that winner in such an… pic.twitter.com/VEUbdEiiAe
— centredevils. (@centredevils) April 18, 2025
แม็กไกวร์ ซึ่งเคยเป็นกัปตันทีมในยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก่อนจะถูกปลดในยุค เอริค เทน ฮาก กล่าวว่าชัยชนะครั้งนี้คือหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งของเขา “มันเป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อที่ยิงประตูชัยในเกมสำคัญแบบนี้ได้ ในเกมที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และเป็นเกมที่แปลกประหลาด บ้าคลั่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเล่นหรือเคยเห็นมา” แม็กไกวร์ กล่าว
“ผมอยู่ที่นี่มา 6 ปีแล้ว มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและแย่ ผมคิดว่าเกมนี้สรุปช่วงเวลาของผมกับสโมสรนี้ได้เลยนะ เอาจริงๆ ผมไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรถ้าต้องมาคุยกับพวกคุณหลังแพ้ 4-2 ไม่อยากจะคิดถึงมันเลยด้วยซ้ำ”
แม้จะเริ่มต้นได้ดี นำก่อน 2-0 ในครึ่งแรกจาก มานูเอล อูการ์เต้ และ ดิโอโก้ ดาโลต์ แต่ ลียง ก็ฮึดสู้ ตีไข่แตกจาก โตลิสโซ่ ก่อนที่ นิโกลัส ตาเกลียฟิโก้ จะมาตีเสมอ และแม้จะเหลือ 10 คน พวกเขาก็พลิกนำด้วยประตูของ รายาน แชร์กี้ และจุดโทษของ อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ ซึ่ง แม็กไกวร์ มองว่าท่าดีใจของนักเตะ ลียง หลังประตูที่ 4 เป็นเหมือนการประกาศชัยชนะเร็วเกินไป “ผมคิดว่าพวกเขา [ลียง] คิดว่าชนะไปแล้ว ดูจากท่าดีใจสิ นั่นยิ่งกระตุ้นให้เราอยากพลิกเกมกลับมา”
“ความรู้สึกที่แย่ที่สุดคือ เราเกือบจะโยนเกมทิ้งไปเอง มากกว่าที่จะแพ้ในตอนนั้น เราไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนั้นเลย เราต้องทำให้ดีกว่านี้มากถ้าอยากคว้าแชมป์รายการนี้”
อโมริม เตรียมดันดาวรุ่งลุยลีก พักตัวหลักเพื่อเกมยุโรป
ขณะเดียวกัน รูเบน อโมริม กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ยืนยันว่าจะให้โอกาสดาวรุ่งลงสนามในเกม พรีเมียร์ลีก ที่เหลือ เพื่อพักผู้เล่นซีเนียร์สำหรับเกม ยูโรปาลีก รอบรองชนะเลิศ ที่จะพบกับ แอธเลติก บิลเบา ซึ่งกลายเป็นเป้าหมายหลักของทีมในตอนนี้ แม้จะรั้งอันดับ 14 ในลีกก็ตาม
อโมริม ชี้ว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ ดิโอโก้ ดาโลต์ มีอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดในเกมล่าสุด ทำให้คาดว่า ชิโด้ โอบี้ กองหน้าวัย 17 ปี (ซึ่งไม่ได้ลงทะเบียนเล่นในยุโรป), แฮร์รี่ อมาสส์ (แบ็กซ้ายที่ได้ลงเล่นในเกมกับ ลียง), เจย์แดน คามาสัน, ก็อดวิลล์ คูคอนกี้ (กองหลัง), แจ็ค มัวร์เฮาส์ (กองกลาง), กาเบรียล บิอันเครี่ (กองหน้า), ฝาแฝด เฟลทเชอร์ (แจ็ค และ ไทเลอร์) รวมถึง อายเดน เฮเว่น (กองหลัง หากฟิตทัน) จะได้รับโอกาสมากขึ้นในเกมลีกนัดถัดไปที่จะเปิดบ้านพบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส วันอาทิตย์นี้
“มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดหรือฤดูกาลที่ดีที่สุดที่จะส่งเด็กลงเล่น เพราะพวกเขาต้องการพื้นฐานที่แข็งแกร่งเพื่อแสดงความสามารถออกมา แต่ในตอนนี้คุณจำเป็นต้องทำ และบางครั้งคุณก็ได้เจอเรื่องน่าประหลาดใจ” อโมริม กล่าว “อมาสส์ ทำได้ดีมากในวันนี้ ชิโด้ ตอนที่ลงเล่นก็ทำได้ค่อนข้างดี มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กๆ แต่ถ้าเราต้องทำ เราก็จะทำ”
ส่วน นุสแซร์ มาซราอุย และ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่ถูกเปลี่ยนตัว/ยกเลิกการเปลี่ยนตัวในเกมกับ ลียง เนื่องจากปัญหาทางการแพทย์ที่บ้าน อโมริม ยืนยันว่า “ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว” และทั้งคู่น่าจะพร้อมสำหรับเกมหน้า “บางครั้งคุณควบคุมเรื่องพวกนี้ไม่ได้ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยดี ผมรู้ว่าฟุตบอลสำคัญมาก แต่ก็มีบางสิ่งที่สำคัญกว่า พวกเขาจะพร้อมสำหรับเกมต่อไป”