การเสมอแบบไร้สกอร์ของ อาร์เซนอล กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ยืนยันว่าพวกเขาจะอยู่ใน พรีเมียร์ลีก อีกหนึ่งฤดูกาล แม้ว่าการหลีกเลี่ยงการตกชั้น แทบจะไม่ใช่เหตุผลสำหรับการเฉลิมฉลองสำหรับสโมสรที่มีขนาดของ อาร์เซนอล แต่ความสำเร็จนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญ
การันตีสถานะใน พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า หมายความว่าพวกเขาจะเริ่มต้นฤดูกาล 2025-26 ซึ่งจะเป็นฤดูกาลที่ 100 ติดต่อกันของพวกเขาในฟุตบอลลีกสูงสุด “ปืนใหญ่” ครองสถิติ การอยู่ในลีกสูงสุดอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุด นับตั้งแต่ได้รับเลือกให้เข้าร่วม ดิวิชั่น 1 เดิม หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อลีกขยายจาก 20 เป็น 22 ทีม ใช่แล้ว คุณอ่านไม่ผิด ได้รับเลือก!
A Century at the Top: Arsenal’s 100-Season Stay in England’s Top Flight https://t.co/zyzbx5H4Bh
— Arsenal stats and analysis (@KML_Arsenal) February 26, 2025
วูลวิช อาร์เซนอล ใช้เวลา 9 ฤดูกาลในลีกสูงสุด ตั้งแต่ปี 1904 ถึง 1913 แต่ตกชั้น พร้อมกับการย้ายจากลอนดอนใต้ไปยัง ไฮบิวรี่ ทางตอนเหนือของลอนดอน ในปี 1913 พวกเขาใช้เวลา 2 ฤดูกาลใน ดิวิชั่น 2 ก่อนที่ลีกฟุตบอลจะหยุดชะงัก เนื่องจากสงครามในยุโรป เมื่อ ฟุตบอลลีก กลับมาในปี 1919 ก็ขยายจาก 20 เป็น 22 ทีม ตามธรรมเนียมแล้ว สิ่งนี้ทำได้โดยกระบวนการเลือกตั้ง โดยสองทีมที่ตกชั้น จะได้รับการเลือกตั้งใหม่ และสองทีมอันดับต้นๆ จากดิวิชั่นสอง จะเข้าร่วมลีกสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวลือว่า เซอร์ เฮนรี่ นอร์ริส ประธานสโมสร อาร์เซนอล “มีอิทธิพล” ต่อการตัดสินใจของสมาชิกคณะกรรมการลีกบางคน สองทีมอันดับต้นๆ จาก ดิวิชั่น 2 – ดาร์บี้ เคาน์ตี้ และ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ – ได้รับเลือกพร้อมกับ เชลซี ซึ่งจบอันดับ 19 ใน ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1914-15 ตำแหน่งสุดท้าย ได้รับการมอบให้ อาร์เซนอล อย่างเป็นที่ถกเถียง ซึ่งจบอันดับ 6 ใน ดิวิชั่น 2 (ภายหลังแก้ไขเป็นอันดับ 5 เนื่องจากข้อผิดพลาดในการคำนวณค่าเฉลี่ยประตู)
ทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ทีมที่พลาดไปคือคู่แข่งใหม่ทางตอนเหนือของลอนดอนของ อาร์เซนอล อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งจบอันดับสุดท้ายของ ดิวิชั่น 1 ในปี 2019-20 และคาดหวังว่าจะรักษาตำแหน่งของพวกเขาไว้
เห็นได้ชัดว่า สิ่งนี้จุดไฟให้กับคู่แข่งที่รุนแรง ซึ่งเริ่มต้นด้วยการที่ “ปืนใหญ่” ย้ายเข้ามาอยู่ในเขต นอร์ธ ลอนดอน ของ สเปอร์ส จาก วูลวิช
ฤดูกาลแรกของ ฟุตบอลลีก คือปี 1888-89 และสองในสมาชิกผู้ก่อตั้ง แอสตัน วิลล่า และ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส รักษาสถานะในดิวิชั่นสูงสุดไว้ได้จนถึงปี 1935-36 เมื่อทั้งคู่ตกชั้นในฤดูกาลเดียวกัน สิ้นสุดการแข่งขัน 44 ฤดูกาลในลีกสูงสุด สถิตินั้น ของการแข่งขันติดต่อกัน ดำเนินต่อไปจนถึงปี 1938-39 เมื่อ ซันเดอร์แลนด์ เริ่มต้นฤดูกาลที่ 45 ติดต่อกัน โดยเข้าร่วมลีกสูงสุดในปี 1890-91 ทีมจาก Wearside ขยายสถิตินั้นไปเป็น 57 ฤดูกาล ก่อนจะตกชั้นในปี 1958
สถิตินั้นยืนยาว จนถึงปี 1983-84 เมื่อ อาร์เซนอล ลงเล่นในลีกสูงสุดเป็นฤดูกาลที่ 58 ติดต่อกัน พวกเขาก็ขยายสถิตินั้นออกไป
สโมสรบางแห่งได้สร้างตัวเองเป็นส่วนสำคัญของลีกสูงสุดในช่วงไม่กี่ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากความเหลื่อมล้ำทางการเงิน และขนาดของสโมสรที่กว้างขึ้น 5 ใน 6 อันดับแรกของการแข่งขันติดต่อกันที่ยาวนานที่สุดในลีกสูงสุด ยังคงดำเนินอยู่ และทีมที่ 6 อาจจะเข้าร่วม 10 อันดับแรกในปี 2026-27 เนื่องจาก เชลซี อยู่ห่างจากรุ่นก่อนของ ลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน เพียง 2 ฤดูกาล ซึ่งสิ้นสุดลงที่ 38 ฤดูกาล
แม้ว่าจะมี การแข่งขันที่ยาวนานที่สุดในปัจจุบัน แต่ อาร์เซนอล ก็อยู่อันดับ 4 ในรายชื่อตลอดกาล สำหรับฤดูกาลส่วนใหญ่ของฟุตบอลลีกสูงสุดในอังกฤษ
แอสตัน วิลล่า และ ลิเวอร์พูล ต่างก็เล่นในระดับสูงสุดมากกว่า “ปืนใหญ่” แต่เป็น เอฟเวอร์ตัน ที่นำด้วย 122 ฤดูกาลจนถึงปัจจุบัน สถานการณ์ของ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ดูเหมือนจะ ไม่แน่นอนในบางครั้ง โดยมีเพียงอันดับเดียวที่เหนือกว่าครึ่งบนใน 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา (และนั่นคืออันดับ 10) และในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา พวกเขาจบเหนือตำแหน่งตกชั้นหนึ่งตำแหน่งถึง 3 ครั้ง ในบรรดา 10 อันดับแรก มีเพียง ซันเดอร์แลนด์ เท่านั้นที่ไม่ใช่สโมสรในลีกสูงสุดในปัจจุบัน แม้ว่า “แมวดำ” จะหวังว่าจะกลับมา พรีเมียร์ลีก ในไม่ช้า เนื่องจากพวกเขากำลังท้าทายในอันดับต้นๆ ของ แชมเปี้ยนชิพ
ในขณะที่ อาร์เซนอล เตรียมเข้าสู่ฤดูกาลที่ 100 ติดต่อกันในลีกสูงสุด มรดกของพวกเขาในฐานะหนึ่งในสถาบันฟุตบอลที่ยืนยงที่สุดของอังกฤษ ยังคงอยู่