ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล ทิ้งห่าง 11 แต้ม หลังบุกอัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คาบ้าน !!

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โชว์ฟอร์มเด่นทั้งยิงและจ่าย ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ฉวยโอกาสจากความพ่ายแพ้สุดช็อกของ อาร์เซน่อล ต่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

ซาลาห์ ซัดอีก! พา ลิเวอร์พูล ก้าวสำคัญสู่แชมป์พรีเมียร์ลีก

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลับมาโชว์ฟอร์มเฉียบขาดอีกครั้ง ด้วยการทำประตูและแอสซิสต์ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล บุกเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก

นอกจากการพังประตูสำคัญแล้ว ปีกทีมชาติอียิปต์ยังจ่ายให้ โดมินิค โซบอสไล ทำอีกหนึ่งลูก ส่งให้ทีมของ อาร์เน่ สล็อต คว้าชัยชนะล้ำค่าที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม พร้อมทิ้งห่างจ่าฝูงถึง 11 แต้ม

ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งไร้เงา เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่มีอาการบาดเจ็บ แสดงให้เห็นถึงความดร็อปลงอย่างชัดเจนในฤดูกาลนี้ แม้ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกมา 4 ฤดูกาลติดต่อกันก็ตาม

ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงรั้งอันดับ 4 ของตาราง และตอนนี้เป้าหมายหลักของพวกเขาคือการรักษาพื้นที่ไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังจากโดน ลิเวอร์พูล ทิ้งห่างไปถึง 20 แต้ม

ในขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล ที่เรียกความมั่นใจกลับมาได้หลังสะดุดไปเล็กน้อย กำลังเดินหน้าไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่สองของพวกเขา


อาร์เซน่อล สะดุด ลิเวอร์พูล ฉวยโอกาสโชว์ฟอร์มแกร่ง

ก่อนหน้านี้ ฟอร์มของ ลิเวอร์พูล มีเครื่องหมายคำถามจากเกมที่เล่นได้ไม่ค่อยดีนักกับ เอฟเวอร์ตัน, วูล์ฟแฮมป์ตัน และ แอสตัน วิลล่า แต่ความพ่ายแพ้แบบพลิกล็อกของ อาร์เซน่อล ต่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ดูเหมือนจะเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ทีมกลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง

เกมนี้ ลิเวอร์พูล เล่นได้อย่างดุดัน โดยเฉพาะ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของทีม

ประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในเกมนี้ ทำให้เขายิงครบ 30 ประตูในทุกรายการเป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ย้ายมาเล่นให้ ลิเวอร์พูล ขณะที่การทำแอสซิสต์ให้ โดมินิค โซบอสไล ก็ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ยิงและจ่ายได้ถึง 11 นัดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

แม้ช่วงต้นเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะออกสตาร์ทได้ดี โดยมีจังหวะลุ้นจาก เจเรมี่ โดกู และ ฟิล โฟเด้น แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายฉวยโอกาสทำประตูได้ก่อน


ลิเวอร์พูล เปิดเกมรุกเฉียบขาด ซัดสองประตูปิดจ๊อบ

ลิเวอร์พูล ขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 14 จากจังหวะที่ หลุยส์ ดิอาซ เรียกเตะมุมได้ และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เปิดบอลเรียดเข้าเขตโทษ ก่อนที่ โซบอสไล จะสะกิดต่อให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดเข้าไป แม้บอลจะไปแฉลบ นาธาน อาเก้ เปลี่ยนทางเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจหยุดบอลพุ่งสู่ก้นตาข่ายได้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พยายามตอบโต้ และมีจังหวะที่ โอมาร์ มาร์มูช ยิงบอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดายในนาทีที่ 30 แต่ก็ถูกจับล้ำหน้าไปก่อน

จากนั้น นาทีที่ 37 ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงความเฉียบขาดอีกครั้ง เมื่อ ซาลาห์ กระชากบอลขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนปาดเข้ากลางให้ โซบอสไล ที่ยืนโล่งๆ ในกรอบเขตโทษ ซัดเข้าไปง่ายๆ ส่งให้ทีมเยือนนำห่างเป็น 2-0


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไร้ความเฉียบคม ขาดตัวจบสกอร์

โดมินิค โซบอสไล เกือบทำแอสซิสต์ที่สองให้ เคอร์ติส โจนส์ ทำประตูที่สามให้ทีมในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่จังหวะดังกล่าวถูกจับล้ำหน้าหลังจากมีการเช็ก VAR

หลังจากรอดพ้นจากการเสียประตูเพิ่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พยายามเร่งเกมบุก โดยมีจังหวะที่ โอมาร์ มาร์มูช ซัดบอลเฉียดเสาออกไป

ขณะที่ ลิเวอร์พูล ก็ยังมีโอกาสลุ้นเพิ่ม เมื่อ หลุยส์ ดิอาซ ได้ลองยิงแต่ติดเซฟของ เอแดร์ซอน

แต่หลังจากนั้น เกมของ ลิเวอร์พูล กลายเป็นการเน้นตั้งรับเพื่อรักษาสกอร์ ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้จะพยายามกดดันหนัก แต่ด้วยการขาดหายไปของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่ไม่ผ่านความฟิตจากอาการบาดเจ็บที่เข่า พวกเขาก็ขาดความเฉียบคมในจังหวะจบสกอร์

จบเกม ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะสำคัญ บุกคว้า 3 แต้มจาก เอติฮัด สเตเดี้ยม และทิ้งห่างอันดับสองถึง 11 คะแนน ยิ่งตอกย้ำความแข็งแกร่งในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้