จอห์น สโตนส์

ปืนใหญ่ปิดบ้าน ถล่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5-1 !!

อาร์เซน่อล โชว์ฟอร์มสุดร้อนแรง เปิดบ้านถล่มแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแบบขาดลอย 5-1 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

มาร์ติน เออเดการ์ด ยิงให้ทีมขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 2 จากการแอสซิสต์ของ ไค ฮาแวร์ตซ์ แต่ความดราม่าที่แท้จริงเกิดขึ้นในครึ่งหลัง เมื่อ เออร์ลิง ฮาลันด์ โหม่งตีเสมอให้ทีมเยือน ก่อนที่ โธมัส ปาร์เตย์ จะยิงไกลสุดสวยให้ อาร์เซน่อล กลับมานำอีกครั้ง

จากนั้น ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ ยิงประตูแรกของเขาในทีมชุดใหญ่ ก่อนที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ จะซัดปิดเกมสวนกลับสุดเฉียบ ทำให้สกอร์ไหลไปเป็น 4-1 แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะ อีธาน เอ็นวาเนรี ดาวรุ่งอีกคนของทีม มายิงประตูสุดสวยด้วยเท้าซ้ายในจังหวะสุดท้ายของเกม ปิดฉากค่ำคืนที่สมบูรณ์แบบที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม


ออกสตาร์ทอย่างดุดัน

เกมเริ่มต้นได้เพียงไม่ถึงสองนาที มาร์ติน โอเดการ์ด ก็ยิงให้ทีมขึ้นนำจากความผิดพลาดของแนวรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อ มานูเอล อาคานยี เสียบอลหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่ ดีแคลน ไรซ์ จะจ่ายบอลต่อให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่เลือกส่งต่อให้กัปตันทีมซัดเข้าไปแบบไม่พลาด

ไค ฮาแวร์ตซ์ เกือบทำประตูได้เองในช่วงไม่กี่วินาทีแรกของเกมด้วยลูกยิงที่ถูกป้องกันโดย สเตฟาน ออร์เตก้า ขณะที่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้แล้ว แต่ถูกจับล้ำหน้า

จากนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มตั้งเกมได้และมีโอกาสทำประตูจากลูกโหม่งของ ยอสโก กวาร์ดิโอล แต่ ดาบิด ราย่า ปัดบอลไปชนคานและพ้นอันตรายจากการซ้ำของ เออร์ลิง ฮาแลนด์


ฮาแวร์ตซ์พลาดโอกาสทอง

ไม่นานหลังจากนั้น อาร์เซน่อล มีโอกาสทองในการหนีห่างเป็น 2-0 เมื่อ เดแคลน ไรซ์ ตัดบอลจาก มาเตโอ โควาชิช ได้ และบอลทะลุถึง ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่มีพื้นที่เลือกมุมยิง แต่กลับซัดออกไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงท้ายครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มครองบอลมากขึ้น และเกือบตีเสมอได้จากจังหวะยิงของ ซาวินโญ แต่ ดาบิด รายา พุ่งปัดช่วยทีมไว้ได้

ครึ่งหลังเริ่มต้นด้วยการที่ทีมเยือนพยายามครองบอลและหาช่องเจาะแนวรับของ อาร์เซน่อล


ซิตี้ตีเสมอ – แต่อาร์เซน่อลเอาคืนทันที

ผ่านไป 10 นาทีของครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตีเสมอได้จากการขึ้นเกมทางฝั่งขวา ซาวินโญ่ ทำชิ่งกับ ฟิล โฟเด้น ก่อนเปิดบอลไปให้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ โหม่งเข้าไปอย่างเฉียบขาด

แต่ความดีใจของทีมเยือนอยู่ได้ไม่ถึงสองนาที เมื่อ ฟิล โฟเด้น ส่งบอลพลาดกลางสนาม และ โธมัส ปาร์เตย์ ตัดบอลได้ก่อนยิงไกลทันที ลูกบอลแฉลบหลัง จอห์น สโตนส์ เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ทำให้ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ระเบิดเสียงเฮอีกครั้ง


ช่วงเวลามหัศจรรย์ของ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่

จากนั้นไม่นาน เด็กปั้นจาก เฮล เอนด์ ก็สร้างโมเมนต์สุดพิเศษ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ ที่ได้ลงตัวจริงเป็นนัดที่ 11 ให้ทีมชุดใหญ่ กระชากบอลจากแบ็กซ้าย เลี้ยงผ่านกองหลังแล้วซัดด้วยเท้าขวาข้างไม่ถนัด บอลพุ่งเข้าประตูแบบที่ สเตฟาน ออร์เตก้า รับไม่อยู่

แข้งวัย 18 ปี เคยถูกไล่ออกแบบค้านสายตาในเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ครั้งนี้ เขากลับมาสร้างช่วงเวลาสุดยอดที่ เอมิเรตส์

เกมยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อเหลือเวลาอีก 15 นาที โธมัส ปาร์เตย์ เปิดบอลจากแดนตัวเองให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่กระชากเข้าเขตโทษ ก่อนส่งต่อให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่เติมขึ้นมาและแปบอลเรียดเข้ามุมประตูไปอย่างเฉียบขาด


เอ็นวาเนรี ปิดท้ายด้วยลูกยิงสุดสวย

แม้ว่าจะนำขาดลอยแล้ว แต่ อาร์เซน่อล ยังคุมเกมได้หมด และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ อีธาน เอ็นวาเนรี แข้งวัย 17 ปี ที่ลงสนามเป็นตัวสำรอง ก็จบเกมด้วยลูกยิงสุดสวย

เขารับบอลทางฝั่งขวา แล้วปั่นด้วยซ้ายส่งบอลพุ่งเสียบเสาไกลอย่างเหนือชั้น ปิดท้ายค่ำคืนที่สมบูรณ์แบบ พร้อมทำให้ อาร์เซน่อล ยืดสถิติไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีกเป็น 14 นัดติดต่อกัน


โปรแกรมถัดไป

อาร์เซน่อล เตรียมออกไปเยือน เซนต์ เจมส์ พาร์ค ในคืนวันพุธนี้ เพื่อลงเล่นนัดที่สองของรอบรองชนะเลิศ คาราบาว คัพ หลังจากแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มาก่อน 2-0 ในนัดแรก

จากนั้นพวกเขาจะมีเวลาพักราวหนึ่งสัปดาห์ครึ่ง ก่อนกลับมาลงเล่นเกมลีกอีกครั้ง ด้วยการบุกเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ในวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์