ประตูแรกในรอบ 13 นัดพรีเมียร์ลีกของ นิโกลัส แจ็คสัน ช่วยเพิ่มโอกาสในการลุ้นโควตา ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ให้กับ เชลซี หลังจากที่พวกเขาเปิดบ้านเฉือนชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์
แจ็คสัน ยิงไกลจากนอกเขตโทษในนาทีที่ 27 เป็นประตูแรกของเขาจากทั้งหมด 24 ประตูในพรีเมียร์ลีกที่เกิดจากการยิงนอกกรอบ นอกจากนี้ สิงห์บลูส์ ยังได้ประโยชน์จากการที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ แอสตัน วิลล่า ต่างลงเล่นในศึก เอฟเอ คัพ ทำให้พวกเขาขยับอันดับได้
แม้ แจ็คสัน จะมีอีกประตูที่โดนปฏิเสธเพราะล้ำหน้าในช่วงท้ายเกม แต่ทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ก็สามารถเก็บชัยชนะในพรีเมียร์ลีกได้เป็นนัดที่สองติดต่อกัน ทางฝั่ง เอฟเวอร์ตัน ดีขึ้นหลัง เดวิด มอยส์ เปลี่ยนตัวรวดเดียวสามคนหลังผ่านชั่วโมง โดยมี โรเบิร์ต ซานเชซ เซฟสำคัญจากลูกยิงของ ดไวท์ แม็คนีล ที่ถือเป็นโอกาสดีที่สุดของทีมเยือน
ชัยชนะนัดนี้ส่งให้ เชลซี ขึ้นไปอยู่อันดับ 5 มีแต้มตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงหนึ่งคะแนน และมีผลต่างประตูได้เสียดีกว่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน ยังคงอยู่อันดับ 13
รูปเกมการแข่งขัน
เชลซี ครองบอลได้ตั้งแต่ต้น แต่ต้องรอถึงนาทีที่ 15 กว่าจะได้ทดสอบมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด เมื่อเขาปัดลูกยิงของ โนนี่ มาดูเอเก้ ออกข้างไปได้ มาร์ก กูกูเรญ่า พลาดโอกาสทองในนาทีที่ 26 หลังวอลเลย์หลุดกรอบจากจังหวะที่ พิคฟอร์ด ชกบอลพลาด แต่เพียง 51 วินาทีถัดมา เชลซี ก็ได้ประตูขึ้นนำ
หลังจาก เบโต้ เสียบอลในแดนตัวเอง แจ็คสัน รับบอลจาก เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ แล้วพลิกยิงเสียบมุมล่างซ้ายจากระยะ 20 หลาอย่างเฉียบคม ครึ่งหลัง นาธาน แพตเตอร์สัน โหม่งคืนหลังพลาดจนเกือบเปิดทางให้ แจ็คสัน หลุดไป แต่ พิคฟอร์ด ยังป้องกันได้ ทว่า เอฟเวอร์ตัน ก็ตอบโต้ได้บ้างจากโอกาสยิงของ เบโต้ ซึ่ง ซานเชซ ก็ยังเซฟเอาไว้ได้
การส่ง แม็คนีล, ยูสเซฟ แชร์มิทิ และ แอชลีย์ ยัง ลงมาทำให้เกมของ เอฟเวอร์ตัน กระเตื้องขึ้น แต่ พิคฟอร์ด ก็ต้องออกแรงเซฟลูกยิงของ มาดูเอเก้ อีกครั้ง แจ็คสัน ส่งบอลเข้าประตูได้อีกครั้งจากจังหวะซ้ำลูกยิงของ กูกูเรญ่า แต่ถูกจับล้ำหน้า และช่วงท้ายเกม เอฟเวอร์ตัน เกือบตีเสมอได้จากลูกยิงของ แม็คนีล ทว่า ซานเชซ โชว์ซูเปอร์เซฟในนาทีที่ 87 ช่วยให้ทีมเก็บสามแต้มเต็มได้
ฮีโร่สองฟากให้กับเชลซี
ก่อนเกมนี้ แจ็คสัน ทำประตูสุดท้ายได้ในเกมที่ เชลซี เอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-1 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม แต่ตั้งแต่นั้นมา เขาต้องเผชิญกับปัญหาฟอร์มตกและอาการบาดเจ็บ
แม้กระนั้น มาเรสก้า ก็ยังให้ความเชื่อมั่นในตัวกองหน้าชาวเซเนกัลรายนี้ โดยยืนยันว่าทีมดูแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีเขายืนค้ำแดนหน้า
และในเกมนี้ แจ็คสัน ก็พิสูจน์ตัวเองได้ เขารับบอลจาก เฟร์นานเดซ ด้วยการหันหลังให้ประตู ก่อนพลิกตัวสวยๆ แล้วยิงหนีมือ พิคฟอร์ด เข้าไปอย่างเฉียบขาด
ขณะที่ โคล พาล์มเมอร์ ฟอร์มยังไม่กลับมาเต็มที่ การมี แจ็คสัน เป็นเป้าหมายในแดนหน้าช่วยให้ เชลซี เชื่อมเกมได้ไหลลื่นขึ้นและมีการเพรสซิ่งที่แข็งแกร่ง
อีกคนที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กันก็คือ ซานเชซ แม้จะมีจังหวะปะทะกับ วิตาลี มิโคเลนโก้ ที่รอดการลงโทษไป แต่การเซฟลูกยิงของ แม็คนีล ก็ถือว่ามีค่าสำคัญพอๆ กับประตูของ แจ็คสัน
ด้วยโปรแกรมที่เหลือซึ่งยากกว่าคู่แข่งในกลุ่มลุ้นท็อปโฟร์ เชลซี รู้ดีว่าชัยชนะนัดนี้มีความหมายแค่ไหน โดยพวกเขาจะพบกับ ยูร์การ์เด้น ในศึก ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก รอบรองชนะเลิศนัดต่อไป ก่อนบุกเยือนว่าที่แชมป์ ลิเวอร์พูล ในวันที่ 4 พฤษภาคม
เอฟเวอร์ตันที่หมดสภาพพ่ายแพ้
เอฟเวอร์ตัน เจอข่าวร้ายเมื่อ เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ซึ่งลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกติดต่อกันถึง 111 นัด นับตั้งแต่สมัยอยู่กับ เบิร์นลีย์ ต้องพักยาวทั้งฤดูกาลเพราะเจ็บแฮมสตริง
นี่จึงเป็นเกมแรกที่ “ทอฟฟี่” ต้องลงเล่นโดยไม่มีปราการหลังตัวเก่ง ทำให้ มอยส์ เลือกส่ง แพตเตอร์สัน เล่นแบ็กขวา และขยับ เจค โอไบรอัน ไปยืนเซ็นเตอร์
แม้ โอไบรอัน จะทำผลงานได้ดี แต่ แพตเตอร์สัน ต้องเจอกับงานหนักในการรับมือกับความคล่องตัวของ มาดูเอเก้ และหากไม่มีการออกมาตัดบอลไวของ พิคฟอร์ด อาจเสียประตูที่สองเร็วในครึ่งหลัง
ส่วน เบโต้ ซึ่งได้โอกาสแทน อาร์มันโด้ โบรย่า ที่ลงเล่นไม่ได้ ก็มีส่วนทำให้ทีมเสียประตูจากการคุมบอลช้า จนถูก เทรโวห์ ชาโลบาห์ กดดันก่อนที่บอลจะถึงเท้า แจ็คสัน และตามมาด้วยการยิงประตู
เอฟเวอร์ตัน หวังได้จุดโทษจากจังหวะปะทะของ ซานเชซ กับ มิโคเลนโก้ ในนาทีที่ 39 แต่ก็ไม่เป็นผล และกว่าจะมีโอกาสจริงจังก็เป็นช่วงท้ายเกมที่ต้องเจอกับ ซานเชซ ที่เหนียวหนึบเหลือเกิน
พวกเขาหวังว่าจะกลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีขึ้นในเกมพบ อิปสวิช สัปดาห์หน้า