“เฟอร์กี้” ทิ้งปัญหา? – ถกประเด็น แมนยูฯ ตกต่ำ – ใครควรรับผิดชอบ?

บทความนี้ นำเสนอมุมมองที่แตกต่างกัน เกี่ยวกับสาเหตุที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกต่ำ หลัง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือ โดยมีการโต้แย้งระหว่าง แกรี่ ลินิเกอร์ และมุมมองของผู้เขียน

หลังจากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ตกรอบ เอฟเอ คัพ ด้วยน้ำมือของ ฟูแล่ม, แกรี่ ลินิเกอร์ ตั้งคำถามถึง มรดกที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทิ้งไว้ให้กับผู้สืบทอดตำแหน่งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เนื่องจากเขาอ้างว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกจาก ลิเวอร์พูล ในสภาพที่ดีกว่า

มุมมองของ ลินิเกอร์:

  • ลินิเกอร์ มองว่า เฟอร์กูสัน ทิ้งทีมที่ “แก่” ไว้ให้ โดยมี โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เป็นตัวหลัก ซึ่งเป็นการมองระยะสั้น ไม่ใช่เพื่ออนาคต
  • เขาเปรียบเทียบกับ คล็อปป์ ที่วางรากฐาน ลิเวอร์พูล ไว้ดีกว่า

มุมมองของผู้เขียน (แย้งกับ ลินิเกอร์):

  • การกล่าวโทษ เฟอร์กูสัน ว่าเป็นต้นเหตุของการตกต่ำ เป็นการมองข้ามปัญหาที่แท้จริง
  • การล่มสลายของ ยูไนเต็ด หลัง เฟอร์กูสัน และ เดวิด กิลล์ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร) เกษียณอายุในปี 2013 เป็นผลมาจาก การขาดการวางแผนสืบทอดตำแหน่งที่ดี, การทำงานที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และ ความเฉยเมย ของผู้ที่เข้ามาแทนที่
  • เจ้าของทีม (ตระกูลเกลเซอร์) และผู้บริหาร (เอ็ด วู้ดเวิร์ด, ริชาร์ด อาร์โนลด์) ควรถูกตำหนิ ไม่ใช่ เฟอร์กูสัน
  • เฟอร์กูสัน คว้าแชมป์ลีก 5 สมัยจาก 7 ฤดูกาลสุดท้าย และมีการลงทุนในผู้เล่นอายุน้อย (ซาฮา, คางาวะ) แสดงถึงการวางแผนระยะยาว
  • ปัญหาที่แท้จริง คือ ระบบ ที่ เฟอร์กูสัน ทิ้งไว้ ซึ่งเป็นระบบที่ พึ่งพาเขาคนเดียว มากเกินไป เมื่อเขาจากไป จึงไม่มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งรองรับ
  • สโมสรอื่นๆ มีการปรับตัว นำรูปแบบ “ผู้อำนวยการกีฬา” และ “การวิเคราะห์ข้อมูล” มาใช้ แต่ ยูไนเต็ด ยังคงยึดติดกับ เฟอร์กูสัน
  • ผู้บริหารที่ เกลเซอร์ นำเข้ามา ไม่เข้าใจ และไม่ปรับปรุง ระบบการสรรหาผู้เล่น หรือ การวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึง การปรับปรุงสนามฝึกซ้อมให้ทันสมัย

ผู้เขียนมองว่า ปัญหาของ แมนยูฯ ไม่ได้เกิดจากทีมที่ เฟอร์กูสัน ทิ้งไว้ แต่เป็น ความล้มเหลวของผู้บริหารชุดต่อมา ในการปรับตัว และพัฒนาระบบของสโมสรให้ทันสมัย รูเบน อมอริม กำลังเผชิญหน้ากับผลพวง ไม่ใช่จากทีมสุดท้ายของ เฟอร์กูสัน แต่จาก การกำกับดูแลกิจการที่ไม่เหมาะสม ซึ่งล้มเหลวในการก้าวเข้าสู่โลกหลังยุค เฟอร์กี้