Manchester United

เทน ฮาก ไปแล้ว !! อัพเดทสถาณการของ ผีแดงล่าสุด

ลอนดอน (เอเอฟพี)แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้เงินจำนวน 14.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 18.3 ล้านดอลลาร์) ในการปลด เอริค เทน ฮาก กุนซือชาวดัตช์, แดน แอชเวิร์ธ

ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ และทีมงานฟุตบอลรายอื่น ๆ ตามรายงานผลประกอบการล่าสุดที่สโมสรเปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา


ฟอร์มตกต่ำหล่นไปรั้งอันดับ 15 ของพรีเมียร์ลีก

แม้จะเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษมาแล้วถึง 20 สมัย แต่ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับอยู่ในอันดับที่ 15 ของตาราง พรีเมียร์ลีก หลังจากพ่ายแพ้ต่อ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 0-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมีเพียง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ วูล์ฟแฮมป์ตัน กั้นกลางระหว่างพวกเขากับโซนตกชั้น

การแต่งตั้ง รูเบน อาโมริม ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่แทนที่ เอริค เทน ฮาก นั้น ยังไม่สามารถสร้างแรงกระตุ้นให้ทีมกลับมามีผลงานที่ดีขึ้นได้ นับตั้งแต่เขาเข้ามารับงานแทนอดีตกุนซือชาวดัตช์ที่ถูกปลดเมื่อเดือนตุลาคม ทั้งที่สโมสรเพิ่งใช้ออปชั่นขยายสัญญาของเขาออกไปจนถึงปี 2026


“การตัดสินใจที่มีค่าใช้จ่ายมหาศาลของ จิม แรตคลิฟฟ์”

การปลด เอริค เทน ฮาก และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหารเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่มีต้นทุนสูงของกลุ่มทุน ไอเนียส ซึ่งนำโดย จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของหุ้นส่วนน้อยของสโมสร

นอกจากกรณีของ เทน ฮาก แล้ว สโมสรยังต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับ แดน แอชเวิร์ธ ที่เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาจาก นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม หลังจากการเจรจาที่ยาวนาน แต่สุดท้ายเขากลับอำลาสโมสรไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม


“เปิดตัวเลขค่าใช้จ่ายมหาศาลจากผลประกอบการไตรมาสสุดท้าย”

ตัวเลขค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการปลดผู้บริหารและทีมงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับการเปิดเผยผ่านรายงานผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของสโมสร โดยอยู่ในหมวด “ค่าใช้จ่ายพิเศษ”

แถลงการณ์ของสโมสรระบุว่า

“ค่าใช้จ่ายพิเศษสำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่ 14.5 ล้านปอนด์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับค่าชดเชยสำหรับอดีตกุนซือทีมชุดใหญ่ เอริค เทน ฮาก และทีมงานฟุตบอลรายอื่น ๆ”

จากรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของฤดูกาล สโมสรเปิดเผยว่าค่าชดเชยสำหรับ เอริค เทน ฮาก และทีมงานของเขาอยู่ที่ 10.4 ล้านปอนด์ ซึ่งหมายความว่าการแยกทางกับ แดน แอชเวิร์ธ มีมูลค่าประมาณ 4.1 ล้านปอนด์

แม้จะลงทุนไปมากกับการเปลี่ยนแปลงภายใน แต่จนถึงตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังคงประสบปัญหาในการเรียกฟอร์มเก่งกลับมา ขณะที่แรงกดดันต่อผู้บริหารและทีมงานใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง