โจชัว เซิร์กซี สวมบทฮีโร่ ยิงจุดโทษตัดสิน ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เหลือผู้เล่น 10 คน เอาชนะ อาร์เซนอล ไปได้อย่างสุดมันส์ ในการดวลจุดโทษ หลังเสมอกัน 1-1 ใน 120 นาที ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ของศึกเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ
ยูไนเต็ดต้องเล่นด้วยผู้เล่น 10 คน เกือบหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่ ดิโอโก้ ดาโลต์ โดนใบเหลืองที่สอง จากการเข้าสกัด มิเกล เมอริโน่ กองกลางของอาร์เซนอลอย่างผิดจังหวะ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำก่อนจากประตูสุดสวยของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ในนาทีที่ 52 หลังจาก อเลฮานโดร การ์นาโช่ ฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของ กาเบรียล ที่ลื่นล้ม ก่อนจะจ่ายบอลให้แฟร์นันด์สปั่นโค้งเข้าประตูไปอย่างงดงาม
ดาโลต์ถูกไล่ออกในนาทีที่ 61 หลังจากเข้าสกัดอย่างน่าเกลียด และอาร์เซนอลก็ตีเสมอได้ในอีก 2 นาทีต่อมา เมื่อ กาเบรียล คนเดิม วอลเลย์จากในกรอบเขตโทษเข้าไป
จากนั้น เดอะ กันเนอร์ส มีโอกาสทองที่จะขึ้นนำ เมื่อ ไค ฮาแวร์ตซ์ ถูก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ทำฟาวล์ในเขตโทษ และผู้ตัดสิน แอนดรูว์ แมดลีย์ เป่าให้เป็นจุดโทษ
มีการชะลอการยิงจุดโทษเล็กน้อย หลังจากเกิดการชุลมุนในกรอบเขตโทษ ซึ่งทำให้แม็กไกวร์, ฮาแวร์ตซ์ และกาเบรียล โดนใบเหลือง
กัปตันทีมอาร์เซนอล มาร์ติน โอเดการ์ด รับหน้าที่สังหาร แต่ อัลตาย บายินดีร์ พุ่งไปทางซ้ายปัดบอลออกไปได้ ทำให้สกอร์ยังคงเสมอกัน
ทีมของมิเกล อาร์เตต้า มีโอกาสทองอีกครั้งจาก เดแคลน ไรซ์ และฮาแวร์ตซ์ ที่จะคว้าชัยชนะ แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะบายินดีร์ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม
ยูไนเต็ดต้องตั้งรับตลอดช่วงต่อเวลาพิเศษ ขณะที่อาร์เซนอลพยายามหาทางขึ้นนำด้วยความได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น
แต่ทีมของอาร์เตต้าก็ไม่สามารถเจาะแนวรับเข้าไปได้ และฮาแวร์ตซ์ก็มาพลาดจุดโทษ โดยถูกบายินดีร์เซฟไว้ได้ ก่อนที่เซิร์กซีจะยิงผ่านมือ ดาบิด ราย่า เข้าไปอย่างเยือกเย็น ช่วยให้ทีมคว้าชัยในการดวลจุดโทษ
ผลการแข่งขันหมายความว่าอาร์เซนอลตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ฤดูกาล