เชลซี จ้องฉก “ค็อบบี้ เมนู” หลังการเจรจาสัญญาใหม่ชะงัก

เชลซี กลายเป็นทีมเต็งที่จะคว้าตัว ค็อบบี้ ไมนู มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 19 ปี หากเจ้าตัวตัดสินใจอำลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ยังไม่มีความคืบหน้า

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเผชิญกับทางตันในการเจรจาต่อสัญญาฉบับใหม่กับตัวแทนของไมนู ทำให้หลายสโมสรชั้นนำในยุโรปจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดึงตัวแข้งดาวรุ่งรายนี้ไปร่วมทีม ไม่ว่าจะเป็นในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมนี้ หรือในช่วงซัมเมอร์

Mail Sport เข้าใจดีว่า เชลซี พร้อมที่จะยื่นข้อเสนอคว้าตัวดาวรุ่งวัย 19 ปีรายนี้ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใหม่กับต้นสังกัดได้ แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับการแข่งขันจากคู่แข่งร่วมพรีเมียร์ลีกและสโมสรในต่างประเทศก็ตาม อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงและรั้งตัวดาวรุ่งที่เป็นผลผลิตจากอคาเดมีของสโมสรเอาไว้ได้ โดยประเมินค่าตัวไว้ที่ 65 ล้านปอนด์

ปัจจุบัน ไมนู เหลือสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด จนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2027 แต่เขาต้องการสัญญาใหม่ที่สะท้อนถึงสถานะการเป็นตัวหลักของทีมชุดใหญ่และทีมชาติอังกฤษ โดยคาดว่าต้องการค่าเหนื่อยราว 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์รวมโบนัส ซึ่งเป็นเพดานค่าเหนื่อยสูงสุดของเชลซีเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังพยายามลดค่าใช้จ่ายด้านค่าเหนื่อยของทีมในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมนี้ โดยต้องการปล่อยนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงอย่าง คาเซมิโร่ (375,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์), มาร์คัส แรชฟอร์ด (315,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์) และ อันโตนี่ (200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์) ออกจากทีม ความกดดันด้านงบประมาณนี้ส่งผลกระทบต่อการเจรจากับไมนู ซึ่งเชื่อว่าเขาสามารถได้รับข้อเสนอที่ดีกว่านี้จากที่อื่น นอกจากนี้ เขายังกังวลเกี่ยวกับทิศทางของสโมสรและโอกาสในการเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เนื่องจากปัจจุบันทีมของ รูเบน อโมริม รั้งอันดับ 13 ของตารางพรีเมียร์ลีก

หลังจากฤดูกาลที่แจ้งเกิดภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ฟอร์มของไมนูตกลงไปเล็กน้อยในฤดูกาลนี้ แต่เขาก็ได้แสดงศักยภาพให้เห็นว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในประเทศจากผลงานล่าสุดที่พบกับลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้

เด็กหนุ่มจากสต็อกพอร์ตรายนี้เป็นเสมือนโปสเตอร์บอยของอคาเดมีอันโด่งดังของยูไนเต็ด และก่อนหน้านี้ถูกมองว่าเป็นนักเตะที่ขายไม่ได้ แต่ปัญหาทางการเงินของสโมสรและความยากลำบากในการปฏิบัติตามกฎผลกำไรและความยั่งยืน (Profit and Sustainability Rules – PSR) ซึ่งนักเตะที่มาจากอคาเดมีจะมีมูลค่ามากกว่านักเตะทั่วไปถึงสี่เท่า ทำให้การย้ายทีมของเขามีความเป็นไปได้

นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ยูไนเต็ดเปิดกว้างมากขึ้นในการปล่อยแรชฟอร์ดออกไปในเดือนนี้ และจะพิจารณาขาย อเลฮานโดร การ์นาโช่ ด้วย หากต้องเลือกระหว่างไมนูและการ์นาโช่ ยูไนเต็ดจะเลือกขายปีกชาวอาร์เจนไตน์มากกว่า เนื่องจากเจ้าตัวกำลังประสบปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับระบบ 3-4-3 ของอโมริม และตกเป็นตัวสำรองมาแล้ว 5 เกมหลังสุด

นักเตะเพียงคนเดียวในทีมที่แตะต้องไม่ได้คือ เลอนี่ โยโร่ ที่เพิ่งเซ็นสัญญาในช่วงซัมเมอร์ด้วยค่าตัว 59 ล้านปอนด์ และ อาหมัด ดิยัลโล่ ซึ่งใกล้จะเซ็นสัญญาฉบับใหม่ ยูไนเต็ดหวังว่าจะลดค่าเหนื่อยลงเกือบ 1 ล้านปอนด์ต่อสัปดาห์ ด้วยการปล่อย คาเซมิโร่, แรชฟอร์ด และอันโตนี่ออกไปในเดือนนี้

คาเซมิโร่กำลังตกเป็นข่าวกับ อัล นาสเซอร์ สโมสรในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเขาจะได้ร่วมงานกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อดีตเพื่อนร่วมทีมเรอัล มาดริด ขณะที่ โอลิมเปียกอส และ เรอัล เบติส แสดงความสนใจที่จะเซ็นสัญญากับอ็องโตนี่ในรูปแบบยืมตัว

เอซี มิลาน, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องการยืมตัวแรชฟอร์ด แต่ข้อตกลงใด ๆ จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของค่าเหนื่อยที่ยูไนเต็ดพร้อมจะจ่าย รวมถึงขนาดของค่าตัวหากมีการบังคับซื้อขาด