Arsenal

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง บุกเฉือน อาร์เซนอล 1-0 ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบรองฯ นัดแรก !!

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก้าวเข้าใกล้รอบชิงชนะเลิศของยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังจากประตูต้นเกมของ อุสมาน เดมเบเล่ ช่วยให้ทีมเยือนบุกมาคว้าชัย 1-0 จาก อาร์เซนอล ในเกมรอบรองชนะเลิศ เลกแรก ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด

เพียงแค่นาทีที่ 4 ของการแข่งขัน เดมเบเล่ ซัดเต็มข้อบอลชนเสาเด้งเข้าประตู ช่วยให้ลูกทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ครองเกมในช่วงต้นได้อย่างชัดเจน และสามารถรักษาสกอร์จนจบ 90 นาที พร้อมกลับฝรั่งเศสด้วยความได้เปรียบ

อาร์เซนอล ซึ่งกลับมาเล่นในรอบตัดเชือกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 เริ่มตั้งเกมได้ดีขึ้นหลังเปิดฉากอย่างฝืดๆ โดยในครึ่งหลังพวกเขามีจังหวะที่ มิเกล เมริโน่ โหม่งเข้าประตู แต่ถูก VAR ปฏิเสธ ส่วน จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายด่านของทีมเยือนก็โชว์เซฟสวยๆ หลายครั้ง

แม้จะโดนบุกหนักในช่วงครึ่งหลัง แต่ เปแอสเช ยังรักษาความนิ่งเอาไว้ได้ และน่าจะยิงเพิ่มได้ด้วยซ้ำเมื่อ แบรดลีย์ บาร์โกล่า กับ กอนซาโล่ รามอส พลาดโอกาสทองในช่วงท้ายเกม


หาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง รักษาความได้เปรียบในเกมเลกสองที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ได้ในวันพุธหน้า พวกเขาจะได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงที่เมือง มิวนิก ไปพบผู้ชนะระหว่าง บาร์เซโลนา กับ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งความฝันในการคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกอาจอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

ย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม อาร์เซนอล เคยเปิดบ้านเอาชนะ เปแอสเช 2-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ณ วันนี้ ได้พัฒนาเป็นทีมที่แข็งแกร่งและมีระบบมากกว่าเดิมมาก หลังพ่ายให้กับ อาร์เซนอล ในวันนั้น เปแอสเช ก็กลายเป็นฝันร้ายของทีมจากอังกฤษ ไล่ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบแบ่งกลุ่ม เขี่ย ลิเวอร์พูล ตกรอบ 16 ทีม และผ่าน แอสตัน วิลล่า มาอย่างสุดมันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย


บรรยากาศที่สนามเต็มไปด้วยความฮึกเหิมจากแฟนบอล และในช่วง 25 นาทีแรก อาร์เซนอล แทบจะไม่มีโอกาสได้ตั้งเกมเลย ความเร็วและการเคลื่อนที่ของทีมเยือนสร้างความลำบากอย่างมากให้แนวรับของ มิเกล อาร์เตต้า ควันจากพลุไฟก่อนเกมยังไม่ทันจาง ควิช่า ควารัตสเคเลีย ก็พาบอลลุยจากฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษ ก่อนจ่ายย้อนให้ เดมเบเล่ ปั่นด้วยซ้ายชนเสาแล้วเด้งเสียบตาข่าย ผ่านมือ ดาวิด รายา ไปอย่างเฉียบคม

ลูกนี้นับเป็นประตูที่ 8 ของ เดมเบเล่ ในรายการนี้ และเป็นการมีส่วนร่วมในประตูที่ 11 เทียบเท่าสถิติของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ อดีตซูเปอร์สตาร์ของสโมสร เจ้าบ้านแทบตั้งตัวไม่ทัน และเกือบจะเสียประตูเพิ่ม เลอันโดร ทรอสซาร์ ต้องโดนใบเหลืองจากการเหนี่ยว อาชราฟ ฮาคิมี่ ในจังหวะหลุดเดี่ยว ส่วน มาร์กินญอส ก็โหม่งลูกเปิดของ ฮาคิมี่ ไปตรงตัว รายา


ควารัตสเคเลีย ยังคงสร้างปัญหาให้แนวรับของ อาร์เซนอล อย่างต่อเนื่อง และมีจังหวะที่เจ้าตัวล้มในเขตโทษหลังโดน เยอร์เรียน ทิมเบอร์ เบียด ทำให้แฟนบอลทีมเยือนเรียกร้องจุดโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่เป่า รายา ยังต้องออกแรงเซฟลูกยิงของ ควารัตสเคเลีย และ เดซีเร่ ดูเอ้ ก่อนที่เจ้าบ้านจะเริ่มตั้งสมาธิได้และตั้งเกมของตัวเองได้ในช่วงท้ายครึ่งแรก

กาเบรียล มาร์ติเนลลี พลาดโอกาสทองเมื่อชาร์จบอลจากการเปิดของ บูกาโย่ ซาก้า ไม่ทัน และอีกครั้งที่ยิงไปติดเซฟของ ดอนนารุมม่า แบบหวุดหวิดก่อนจบครึ่งแรก ครึ่งหลัง อาร์เซนอล คิดว่าตัวเองตีเสมอได้เมื่อ เมริโน่ โหม่งลูกฟรีคิกของ ดีแคลน ไรซ์ เข้าไป แต่ VAR ตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนชี้ว่าล้ำหน้าเพียงเล็กน้อย

ลูกทีมของ อาร์เตต้า ช่วงหนึ่งบุกได้อย่างต่อเนื่อง และ ดอนนารุมม่า ต้องโชว์ซูเปอร์เซฟอีกครั้ง ปัดลูกยิงของ ทรอสซาร์ ปลายมือออกหลังไปแบบสุดยอด ท้ายเกม เปแอสเช น่าจะปิดบัญชีได้แต่ บาร์โกล่า ยิงหลุดกรอบในจังหวะหลุดเดี่ยว ขณะที่ รามอส ซัดบอลชนคานอย่างจัง