หนึ่งในตำนานวงการบาสเกตบอลอย่าง เจสัน คิดด์ ได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นกลุ่มอเมริกันที่เข้ามาซื้อกิจการของสโมสร เอฟเวอร์ตัน เป็นที่เรียบร้อย
อดีตนักบาสเกตบอลระดับแชมป์โอลิมปิก 2 สมัย และผู้เล่น ออลสตาร์ NBA ถึง 10 ครั้ง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าโค้ชของทีม ดัลลัส มาเวอริกส์ ได้เข้าร่วมกับกลุ่มทุน Roundhouse Capital Holdings ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจใหญ่ The Friedkin Group
โดยกลุ่มทุนจากรัฐเท็กซัสนี้เพิ่งเข้าซื้อกิจการของ เอฟเวอร์ตัน เสร็จสิ้นในเดือนธันวาคม ปี 2024
เจสัน คิดด์ ซึ่งเคยคว้าแชมป์ NBA กับ ดัลลัส มาเวอริกส์ ในปี 2011 ในฐานะผู้เล่น กลายเป็นชาวอเมริกันคนล่าสุดที่หันมาลงทุนในวงการฟุตบอลอังกฤษ
ในปัจจุบัน มีถึง 14 สโมสรในพรีเมียร์ลีกที่มีนักลงทุนจากสหรัฐฯ ถือหุ้นอยู่ในระดับหนึ่ง โดยอดีตแนวรับชื่อดังของ NFL อย่าง เจเจ วัตต์ ก็ถือหุ้นบางส่วนในทีม เบิร์นลีย์ ที่เพิ่งเลื่อนชั้น ส่วนควอเตอร์แบ็กระดับตำนานอย่าง ทอม เบรดี ก็มีบทบาทคล้ายกันกับทีม เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ซึ่งเป็นแชมป์ ลีกวัน ฤดูกาลล่าสุด
สโมสร เอฟเวอร์ตัน จะอำลา สนามกูดิสัน พาร์ก อย่างเป็นทางการหลังจบฤดูกาลนี้ เพื่อย้ายเข้าสู่สนามแห่งใหม่ที่ บรามลีย์-มัวร์ ด็อก ซึ่งใช้งบก่อสร้างกว่า 750 ล้านปอนด์ และเตรียมเปิดใช้งานก่อนฤดูกาล 2025-26 จะเริ่มต้น
เจสัน คิดด์ ในวัย 52 ปี กล่าวถึงบทบาทใหม่นี้ว่า
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับสโมสร เอฟเวอร์ตัน ในช่วงเวลาที่สำคัญขนาดนี้ กับสนามแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดใช้งาน และอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่จะเข้าร่วม”
ขณะที่ มาร์ค วัตต์ส ประธานบริหารของสโมสร ก็ได้กล่าวเสริมว่า
“เจสัน คิดด์ คือหนึ่งในนักบาสเกตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ NBA และในปัจจุบันก็เป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จ ความรู้ ความเป็นผู้นำ และจิตวิญญาณแห่งผู้ชนะของเขาจะเป็นทรัพยากรอันล้ำค่าสำหรับสโมสรของเรา”
“เขาคือชื่อที่คุ้นเคยในวงการกีฬา และจะช่วยยกระดับความเข้าใจด้านสมรรถนะระดับสูงให้กับพวกเรา ในขณะที่เรามุ่งมั่นร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตที่สดใสให้กับสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแห่งนี้”