ซอคเกอรูส์ ถล่ม อินโดนีเซีย

ซับเวย์ ซอคเกอรูส์ ถล่ม อินโดนีเซีย 5-1 คว้าชัยสำคัญในศึกคัดบอลโลก !!

ซับเวย์ ซอคเกอรูส์ โชว์ฟอร์มเหนือชั้นด้วยการถล่ม อินโดนีเซีย ไปอย่างขาดลอย 5-1 ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 35,000 คนที่ สนามฟุตบอลซิดนีย์ เก็บสามแต้มสำคัญในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสาม

แจ็คสัน เออร์ไวน์ ซัดคนเดียวสองประตู ขณะที่ มาร์ติน บอยล์, นิชาน เวลูปิเลย์ และ ลูอิส มิลเลอร์ ต่างมีชื่อเป็นผู้ทำประตู ส่งให้ ซอคเกอรูส์ รั้งอันดับสองของกลุ่มซีต่อไป พร้อมเดินหน้าสู่รอบสุดท้ายของ ฟุตบอลโลก

การเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น และโอกาสแรกของอินโดนีเซีย

เกมนี้ ซอคเกอรูส์ มีการปรับทัพถึง 6 ตำแหน่งจากเกมล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยส่ง อดัม แท็กการ์ต, มาร์ติน บอยล์ และ นิชาน เวลูปิเลย์ ลงสนามในแนวรุก ขณะที่ ไอเดน โอนีล คุมแดนกลาง ส่วนแนวรับได้ ไค โรลส์ และ เจสัน เจเรีย ลงเล่นเป็นตัวจริง

สำหรับ นิชาน เวลูปิเลย์ นี่ถือเป็นการออกสตาร์ตเป็นตัวจริงครั้งแรกในสีเสื้อ ออสเตรเลีย หลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ เมลเบิร์น วิคตอรี่ ในระดับสโมสร

แม้ว่าอันดับ ฟีฟ่าแรงกิ้ง ของ อินโดนีเซีย จะอยู่ที่ 127 แต่พวกเขาแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของทีมตั้งแต่ต้นเกม ด้วยการเล่นที่ดุดันและพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่ ซอคเกอรูส์ ทันที

เพียงไม่นาน มาเธียส ไรอัน ต้องออกแรงเซฟจังหวะโหม่งของ เจ โนอาห์ อิดเซส กัปตันทีมอินโดนีเซีย และในนาทีที่ 7 อินโดนีเซีย มีโอกาสทองจากลูกจุดโทษ แต่ เควิน ดิคส์ ยิงไปชนเสา พลาดขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

ออสเตรเลียได้จุดโทษ และเกมรุกที่เฉียบคม

ผ่านไป 10 นาที ซอคเกอรูส์ มาได้จุดโทษบ้าง หลังจาก ลูอิส มิลเลอร์ ถูกทำฟาวล์ในเขตโทษ และเมื่อ วีเออาร์ ตรวจสอบก็ยืนยันเป็นจุดโทษ มาร์ติน บอยล์ รับหน้าที่สังหารและไม่พลาด ส่งเจ้าถิ่นออกนำ 1-0

เพียงไม่กี่นาทีถัดมา นิชาน เวลูปิเลย์ ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่านมือ มาร์ติน ไพส์ อย่างเฉียบขาด หลังรับบอลทะลุช่องจาก อดัม แท็กการ์ต เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในการเล่นทีมชาติ

ก่อนจบครึ่งแรก แจ็คสัน เออร์ไวน์ มาทำประตูที่สามให้ทีมได้สำเร็จ หลังจากที่ นิชาน เวลูปิเลย์ โชว์ทักษะหมุนตัวหลอกกองหลัง และ มาร์ติน บอยล์ เปิดบอลเข้ามาให้ เออร์ไวน์ ซ้ำเข้าไป

จบครึ่งแรก ซอคเกอรูส์ นำ อินโดนีเซีย 3-0 ซึ่งถือเป็นสกอร์ที่แทบไม่น่าเชื่อ หลังจากที่ทีมเยือนสร้างความอันตรายในช่วงต้นเกม

ครึ่งหลัง อินโดนีเซียบุกหนัก แต่เจ้าถิ่นปิดเกมได้อยู่หมัด

เริ่มครึ่งหลัง โทนี่ ป็อปโปวิช ตัดสินใจเปลี่ยนตัว โดยส่ง แบรนดอน บอร์เรลโล่ และ เคร็ก กูดวิน ลงสนามแทน อดัม แท็กการ์ต และ มาร์ติน บอยล์

อินโดนีเซีย เปิดฉากครึ่งหลังได้ดีเช่นเดียวกับต้นเกม พวกเขามีจังหวะบุกและได้ลูกตั้งเตะหลายครั้ง ทำให้แนวรับของ ซอคเกอรูส์ ต้องระมัดระวัง และ มาเธียส ไรอัน ยังต้องออกแรงเซฟอีกหลายจังหวะ

แต่ถึงอย่างนั้น ประตูที่สี่ของเจ้าถิ่นก็ตามมาอีกครั้ง ในนาทีที่ 57 เคร็ก กูดวิน เปิดลูกเตะมุมเข้าไป และ ลูอิส มิลเลอร์ โหม่งเข้าไปอย่างเด็ดขาด นับเป็นประตูที่สองของเขาในสีเสื้อทีมชาติ

นาทีที่ 72 ฟราน คาราชิช และ แดเนียล อาร์ซานี ถูกส่งลงสนาม โดยเฉพาะ คาราชิช ที่กลับมาติดทีมชาติครั้งแรกตั้งแต่ปี 2022 ขณะที่ นิชาน เวลูปิเลย์ และ ลูอิส มิลเลอร์ ถูกเปลี่ยนออก

อินโดนีเซียยิงปลอบใจ แต่เจ้าถิ่นยังคงเหนือกว่า

ในที่สุด อินโดนีเซีย ก็มาทำประตูได้จากความพยายามของ โอลี่ โรเมนิช ที่เบียดแนวรับ ออสเตรเลีย ก่อนจะซัดผ่าน มาเธียส ไรอัน เข้าไป เป็นประตูแรกของ อินโดนีเซีย ที่ยิงใส่ ซอคเกอรูส์ ในรอบกว่า 40 ปี

อย่างไรก็ตาม ประตูของ อินโดนีเซีย เป็นได้เพียงแค่ปลอบใจ เพราะช่วงท้ายเกม แจ็คสัน เออร์ไวน์ มาทำประตูที่สองของตัวเองจากลูกเตะมุมของ เคร็ก กูดวิน ปิดท้ายให้ ซอคเกอรูส์ เอาชนะไปอย่างขาดลอย 5-1

ชัยชนะนัดนี้ทำให้ ซอคเกอรูส์ ยังคงรั้งอันดับสองของกลุ่ม และพร้อมเดินหน้าต่อไปในเกมสำคัญกับ ทีมชาติจีน ที่จะลงเตะกันในวันอังคารนี้