โคดี้ กัคโป และสโมสร ลิเวอร์พูล อาจถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) ลงโทษ หลังจากที่กองหน้าชาวดัตช์เปิดเผยข้อความทางศาสนาบนเสื้อตัวใน ระหว่างการฉลองประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ที่ทีมถล่ม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 5-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
กัคโป ถลกเสื้อแข่งขึ้นเพื่อโชว์ข้อความ “I belong to Jesus” (ฉันเป็นของพระเยซู) บนเสื้อกล้ามตัวใน หลังจากยิงประตูที่สามให้ทีม ซึ่งเป็นประตูที่แทบจะการันตีตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ให้กับทีมของ อาร์เน่อ สล็อต
แม้ว่า กัคโป จะได้รับใบเหลืองจากการถอดเสื้อตามกฎอยู่แล้ว แต่เขาอาจต้องเผชิญกับการลงโทษเพิ่มเติมจาก FA เนื่องจากข้อความดังกล่าวบนเสื้อของเขา การแสดงออกของ กัคโป ทำให้นึกถึง กาก้า อดีตยอดกองหน้าชาวบราซิล ซึ่งเคยเปิดเผยข้อความเดียวกันนี้ใต้เสื้อ เอซี มิลาน หลังจากที่ทีมเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2007
I live with an @LFC fan & she is delighted that they’ve won the League. I am overjoyed that Cody Gakpo used his platform to point the glory to Jesus after scoring a goal. Well worth getting a yellow card for! #YNWA pic.twitter.com/4DJ4w24sC3
— Gavin Calver (@GavCalver) April 27, 2025
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเกือบ 5 เดือนหลังจากที่ FA ถูกวิจารณ์ว่าสร้าง “ความยุ่งเหยิงสองมาตรฐาน” จากการตักเตือน มาร์ค เกฮี กัปตันทีม คริสตัล พาเลซ ผู้เป็นคริสเตียนที่เคร่งครัด ถึงสองครั้ง เกี่ยวกับกฎการเขียนข้อความ “I love Jesus” และ “Jesus loves you” บนปลอกแขนสีรุ้งในช่วงแคมเปญประจำปีระหว่าง พรีเมียร์ลีก และ Stonewall องค์กรการกุศลเพื่อ LGBTQ+
เรื่องนี้ยิ่งเป็นประเด็นเมื่อ FA ไม่ได้ดำเนินการใดๆ กับ แซม มอร์ซี่ กัปตันทีม อิปสวิช ทาวน์ ซึ่งเป็นชาวมุสลิม ที่ปฏิเสธที่จะสวมปลอกแขนสีรุ้งเลย กฎเรื่องชุดแข่งของ FA ครอบคลุมการกระทำอย่างของ เกฮี มากกว่า มอร์ซี่ และกองหลังทีมชาติอังกฤษอาจถูกแบนได้จากการละเมิดกฎ แต่เขากลับรอดพ้นด้วยการตักเตือนครั้งที่สอง
นักฟุตบอลถูกห้ามไม่ให้แสดงข้อความหรือสโลแกนทางศาสนาในระหว่างการแข่งขัน โดยกฎข้อ 4 ของคณะกรรมการสมาคมฟุตบอลระหว่างประเทศ (IFAB) ระบุว่า: “อุปกรณ์ต้องไม่มีสโลแกน ข้อความ หรือรูปภาพทางการเมือง ศาสนา หรือส่วนบุคคล ผู้เล่นต้องไม่เปิดเผยเสื้อชั้นในที่แสดงสโลแกน ข้อความ หรือรูปภาพทางการเมือง ศาสนา ส่วนบุคคล หรือการโฆษณาอื่นใดนอกเหนือจากโลโก้ของผู้ผลิต สำหรับการละเมิดใดๆ ผู้เล่นและ/หรือทีมจะถูกลงโทษโดยผู้จัดการแข่งขัน สมาคมฟุตบอลแห่งชาติ หรือโดย ฟีฟ่า”