ในช่วงสองฤดูกาลหลังสุด ทีมจากย่านมิดแลนด์ส์ได้โชว์ศักยภาพในการต่อกรกับยักษ์ใหญ่ทั้งในประเทศและเวทียุโรป และเพิ่งพลาดโอกาสเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อย่างเฉียดฉิวให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อไม่นานมานี้
เป้าหมายยังอยู่ที่แชมเปียนส์ลีก
ฤดูกาลนี้ ทีมของ อูไน เอเมรี่ ยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นคว้าตั๋วกลับสู่เวทียุโรปถ้วยใหญ่ โดยมีแต้มตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 5 อยู่เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 ตอนที่ เวส อีเดนส์ และ นาสเซฟ ซาวิริส เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร แอสตัน วิลล่า ทีมยังอยู่ในลีกแชมเปียนชิพ และเผชิญปัญหาทางการเงินจากการบริหารงานของเจ้าของเดิมอย่าง โทนี่ เซี่ยะ
แต่ในปัจจุบัน ทีมแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีความทะเยอทะยานมากที่สุดในโลก ด้วยการลงทุนจำนวนมาก และพร้อมชนกับคู่แข่งที่ได้รับการหนุนหลังจากทุนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนส่วนบุคคลหรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัฐ
นักลงทุนรายใหม่ร่วมวงผลักดันทีม
สัญญาณแห่งความมุ่งมั่นในการขึ้นสู่กลุ่มทีมชั้นนำยิ่งชัดเจน เมื่อ Atairos บริษัทบริหารสินทรัพย์จากกรุงลอนดอน ซึ่งถือหุ้นส่วนน้อยในสโมสร ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ผู้สนับสนุนหลักของ Atairos คือบริษัท Comcast ซึ่งเป็นเจ้าของช่อง Sky Sports ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนทางการเงินแก่สโมสรในพรีเมียร์ลีกทั้ง 20 ทีม เรียกได้ว่าเป็นการหมุนเวียนเงินทุนภายในระบบปิดทางอ้อม
ข้อจำกัดด้านการเงินยังคงเป็นอุปสรรค
แม้จะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่กฎด้านผลกำไรและความยั่งยืน (PSR) ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ในการรักษาความสำเร็จระยะยาว
แอสตัน วิลล่า เองก็เคยละเมิดกฎควบคุมการเงินของยูฟ่ามาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งน่าจะนำไปสู่บทลงโทษทางการเงินมากกว่าทางด้านกีฬา
อย่างไรก็ตาม เมื่อฤดูกาลหน้ากำลังจะมาถึง และพรีเมียร์ลีกยังคงใช้ระบบ PSR แบบเดิม คำถามสำคัญคือ สโมสรจะสามารถเดินเกมลงทุนได้มากแค่ไหน
TBR Football ได้สัมภาษณ์พิเศษกับ เคียร์แรน แมกไกวร์ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินฟุตบอลจากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล เพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์ถึงทิศทางของ แอสตัน วิลล่า ภายใต้ข้อจำกัดนี้
(หากต้องการให้เพิ่มส่วนบทวิเคราะห์ของ เคียร์แรน แมกไกวร์ จากบทความต้นฉบับต่อ โปรดแจ้งได้นะครับ ผมสามารถต่อเนื้อหาแปลให้ได้เลย)